Stay at Home Guide คู่มือจัดการอากาศสำหรับคนติดบ้าน

หากคุณเป็นอีกคนที่เลิกงานแล้วอยากรีบพุ่งกลับบ้าน สุดสัปดาห์ไม่ชอบออกไปไหน ใช้เวลากับหนังสือเล่มโปรดบนโซฟาได้เป็นชั่วโมง สุนทรีย์กับกิจกรรมเดิมๆ ในพื้นที่ส่วนตัว หรือเป็นนักอยู่บ้าน full time เป็น stay-at-home parent ทำอาชีพ อิสระแบบมีออฟฟิศหรือสตูดิโออยู่ที่บ้าน.. เราคือเพื่อนกัน

บ้าน.. คือวิมานของเรา การดูแลพื้นที่แห่งความสุขของเราจึงเป็นเรื่องสำคัญ รายละเอียดเล็กๆ เช่น อากาศที่บริสุทธิ์ แสงแดดและอุณหภูมิที่เหมาะสม ล้วนส่งผลให้บ้านเป็นพื้นที่ที่ปลอดภัย และแสนสบายที่สุดสำหรับผู้อยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในสถานการณ์ที่เราต้องเผชิญกับทั้งฝุ่น PM 2.5 และเชื้อไวรัส COVID-19 จากภายนอก เราจึงทำ ‘คู่มือจัดการอากาศสำหรับคนติดบ้าน’ เพื่อให้คนที่รักการอยู่บ้าน ได้ดูแลอากาศภายในบ้าน ให้สะอาดสดชื่น ปราศจากเชื้อโรค ผ่านคำถาม-คำตอบที่คุณอาจเคยสงสัย หรืออาจจะกำลังเจออยู่ตอนนี้

Q1: สภาพอากาศที่ดีเป็นอย่างไร?

ร่างกายของคนเรานั้นสร้างขึ้นมาเพื่อใช้ชีวิตกลางแจ้ง อากาศที่ถ่ายเทดี จะทำให้อากาศหมุนเวียน ไม่มีไรฝุ่นหรือเชื้อรา อันเกิดมาจากความชื้นในอากาศ ยิ่งห้องที่ปูพรมหนานุ่มแล้วเปิดแอร์ทั้งวัน จะทำให้เกิดความชื้นได้ง่าย เกิดเป็นเชื้อรา นำไปสู่โรคภูมิแพ้ หอบหืด ระคายเคืองตา ฯลฯ นอกจากนี้ฝุ่นละอองพิษก็เป็นสิ่งที่ต้องพึงระวัง เพราะอาจจะเล็ดลอดเข้ามาอย่างไม่รู้ตัวได้ ทั้งนี้สามารถนำต้นไม้ในร่มอย่างเช่น ว่านเศรษฐีเรือนใน มาตั้งไว้เพื่อช่วยฟอกอากาศ ลดปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ และยังสร้างบรรยากาศสดชื่นในห้องด้วย

Q2: แอร์สามารถกรองมลพิษได้หรือไม่?

ได้ แต่ช่วยกรองได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น ด้วยแอร์นั้นมีหน้าที่เพื่อปรับอุณหภูมิภายในห้อง จึงไม่สามารถที่จะฟอกอากาศให้ภายในห้อง หรือบ้านสะอาดขึ้นเหมือนอย่างเครื่องฟอกอากาศ แต่ทั้งนี้ฟิลเตอร์แบบยิงประจุซึ่งอยู่ในชุดคอยล์เย็นของแอร์ ก็สามารถช่วยกำจัดฝุ่นละอองขนาดเล็ก ควันที่อลอยในอากาศได้ในระดับหนึ่ง โดยสามารถถอดมาทำความสะอาดเองได้ และควรทำความสะอาดทุกๆ 2 สัปดาห์เพื่อยืดอายุการใช้งาน ทั้งนี้ฟิลเตอร์มีทั้งแบบที่ล้างด้วยน้ำได้ และแบบต้องเป่าลมไล่ฝุ่นออก หากทำความสะอาดผิดวิธีจะทำให้ฟิลเตอร์เสื่อมได้ นอกจากนี้หากนำมาทำความสะอาด 1-2 ครั้ง  แล้วพบว่าฟิลเตอร์ไม่สะอาดขึ้น ควรเปลี่ยนใหม่เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค

Q3: ทำไมแอร์ไม่เย็น?

มีหลายสาเหตุที่ทำให้แอร์ไม่เย็นฉ่ำหมือนเคย อาทิ ตั้งโหมดการทำงานบนรีโมทคอนโทรลผิด เนื่องจากแอร์มีทั้งโหมด Auto, Cooling, Dry, Fan เมื่อแอร์ไม่เย็นฉ่ำให้ลองตรวจสอบการตั้งค่าบนรีโมทก่อน ดูให้มั่นใจว่าเราตั้งค่าไปที่โหมด Cooling แล้ว หากตรวจสอบแล้วว่าถูกต้อง แต่แอร์ก็ยังไม่เย็นอยู่ดี ให้ลองหาสาเหตุอื่นๆ ต่อไป เช่น แอร์สกปรกทั้งตัวในและตัวนอก จากคราบฝุ่นสะสมจำนวนมาก ทำให้แผงฟินไม่สามารถสัมผัสอากาศได้เต็มที่ สามารถตรวจสอบเบื้องต้นเองได้ ด้วยการเปิดหน้ากากแอร์ออกมาดู หรืออาจเกิดจากมอเตอร์พัดลมมีปัญหา ทำให้ลมระบายอากาศได้ไม่ดีเหมือนเคย คอมเพรสเซอร์ไม่ทำงาน หรือน้ำยาแอร์รั่วหรือซึมก็เป็นสาเหตุที่ทำให้แอร์ไม่เย็นด้วยเช่นกัน

Q4: ล้างแอร์เป็นประจำดีอย่างไร และควรล้างบ่อยแค่ไหน?

ดีตั้งหลายต่อ อาทิ อากาศภายในห้องกลับมาสะอาดสดชื่น ลดฝุ่นในบ้าน ช่วยป้องกันเชื้อโรคต่างๆ ซึ่งมักจะสะสมอยู่ในแอร์ ทำให้มอเตอร์พัดลมในคอยล์เย็นซึ่งเป็นอีกอุปกรณ์สำคัญที่ทำงานอย่างหนัก และเป็นแหล่งสะสมฝุ่นละออง กลับมาทำงานได้อย่างเต็มที่ แล้วยังช่วยยืดอายุการใช้งานด้วย ยิ่งไปกว่านั้นยังช่วยประหยัดค่าไฟ เนื่องจากแอร์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

หากเปิดใช้งานทุกวันและใช้วันละหลายๆ ชั่วโมง ประกอบกับตำแหน่งที่ตั้งของบ้านหรือคอนโดตั้งอยู่ใกล้ถนน สิ่งปลูกสร้าง แนะนำให้ล้างแอร์ทุก 6 เดือนเป็นอย่างต่ำ หรือหากใช้งานบ่อยๆ ทั้งกลางวันและกลางคืนแล้วรู้สึกว่าแอร์ไม่เย็นฉ่ำเหมือนเคย หรือที่ด้านหลังคอยล์ร้อนเริ่มมีฝุ่นจับมาก อาจล้างแอร์ทุก 3-4 เดือนก็ได้ ถ้าปล่อยทิ้งไว้จะเกิดการอุดตันได้

Q5: เสียไหม? ถ้าเปิดแอร์ตลอดทั้งวัน

เปิดตลอด 24 ชั่วโมงก็ไม่ต้องกลัวพัง เพราะจริงๆ แล้วแอร์ไม่ได้ทำงานตลอดเวลา มีช่วงทำงานและหยุดพัก แล้วยังมีตัวระบายความร้อน (คอยล์ร้อน) ที่ช่วยพัดลมระบายอากาศระบายความร้อนอีกแรงด้วย ยิ่งถ้าเป็นแอร์ที่มีคอยล์ร้อนคุณภาพสูง ต่อให้เปิดติดต่อกันเป็นอาทิตย์ หรือหลายเดือนก็ยังไหว แต่สิ่งที่จะเสียแน่ๆ คือ เสียค่าไฟเพิ่มขึ้น

Q6: ช่วงหน้าร้อน(มาก) เปิดแอร์อย่างไร ให้ไม่เปลืองค่าไฟ?

อย่างแรกเลย ควรล้างแอร์ให้คราบฝุ่นสกปรกออกไป จะได้มีประสิทธิภาพในการทำความเย็น และแนะนำให้ปรับอุณหภูมิอยู่ในระหว่าง 25-27 องศาเซลเซียส (ยิ่งอุณหภูมิสูงขึ้นยิ่งประหยัด) ซึ่งเป็นช่วงอุณหภูมิที่เราอยู่แล้วรู้สึกสบาย ไม่หนาวหรือร้อนจนเกินไป และเป็นช่วงอุณหภูมิที่สามารถประหยัดค่าไฟได้มากที่สุด แล้วเปิดพัดลมเพื่อช่วยเรื่องการไหลเวียนของอากาศด้วยก็ได้ ช่วงกลางคืนใช้โหมดตั้งเวลาปิดสักช่วงราวๆ ตี 2-3 ก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยลดค่าไฟได้ ที่สำคัญที่สุด คือ อย่าลืมปิดประตูหน้าต่างให้สนิทก่อนเปิดแอร์ด้วย เพราะหากอากาศร้อนจากภายนอกลอดเข้ามาในห้อง นอกจากจะทำให้ห้องไม่เย็นแล้ว ยังทำให้แอร์ต้องทำงานหนักอีกด้วย

Q7: แอร์มีกลิ่นเหม็นอับเพราะอะไร?

มาจากหลายสาเหตุด้วยกัน อากาศถ่ายเทไม่สะดวก เครื่องปรับอากาศตัวในบ้านสกปรก มีฝุ่นและน้ำควบแน่นผสมกัน (แก้ไขได้ด้วยการล้างแอร์) หรือแม้การที่เราตั้งอุณหภูมิที่ไม่เหมาะสม ก็ทำให้เกิดกลิ่นเหม็นอับได้เหมือนกัน

Q8: เปิดแอร์อย่างเดียว VS เปิดแอร์พร้อมพัดลม แบบไหนประหยัดไฟกว่า?

หลายคนเข้าใจว่า การเปิดแอร์และพัดลมไปด้วยจะยิ่งเปลืองค่าไฟ แต่ความจริงแล้ว ทำให้ประหยัดค่าไฟกว่าการเปิดแอร์อย่างเดียว แค่ปรับแอร์ไปที่อุณหภูมิ 25-27 องศาเซลเซียส แล้วเปิดพัดลมควบคู่ไปด้วย พัดลมจะช่วยกระจายลมเย็นให้ทั่วห้อง ทำให้ห้องเย็นเร็วขึ้น และช่วยลดอุณหภูมิในห้องได้อีก 1-2 องศาฯ เลย

Q9: ปัญหาน้ำหยดใต้แอร์มาจากอะไร?

อาการนี้คือน้ำหยดที่คอยล์เย็น เกิดได้จากท่อน้ำทิ้งอุดตัน น้ำล้นถาดรองน้ำแอร์ หรือช่างติดตั้งท่อน้ำทิ้งไม่ดี ทั้ง 2 กรณีนี้ควรเรียกให้ช่างมาล้างทำความสะอาด อีกสาเหตุที่พบ มาจากแรงดันน้ำยาในระบบน้อย ทำให้คอยล์เย็นด้านหลังความเย็นไม่พอ ควรเรียกช่างที่ติดตั้งมาแก้ไขรอยรั่วซึมน้ำยา

Q10: เปิด-ปิดแอร์บ่อยๆ ส่งผลเสียต่อเครื่องไหม?

มีแต่เสียกับเสีย หลายคนเลือกที่จะเปิดและปิดแอร์บ่อยๆ เพราะไม่อยากปวดใจตอนเห็นบิลค่าไฟ แต่รู้รึเปล่าว่าการปิดๆ เปิดๆ บ่อยๆ ส่งผลเสียกับตัวเครื่องได้มากกว่าที่คุณคิด เพราะเครื่องจะทำงานหนักตอนเปิดเครื่อง ลองนึกถึงรถยนต์ที่ต้องสตาร์ทแล้วดับเครื่องบ่อยๆ ก็จะทำให้ยิ่งเปลืองน้ำมัน แอร์ก็เช่นเดียวกัน ตอนที่เรากดเปิดเครื่องเป็นจังหวะที่เครื่องใช้พลังงานในการทำงานสูง เกิดการใช้กระแสไฟมาสตาร์ทเครื่องจ่ายไฟ เพื่อให้คอมเพรสเซอร์และอุปกรณ์อื่นๆ ทำงาน การเปิดปิดบ่อยๆ จึงทำให้เกิดการใช้กระแสไฟมากตามไปด้วย  ส่งผลต่ออายุการใช้งาน ที่จะสั้นกว่าควรเป็น และยังทำให้เกิดค่าไฟที่สูงขึ้นอีกด้วย

Q11: สัญญาณเตือนว่าแอร์ใกล้จะเสียแล้ว?

4 สัญญาณเตือนเบื้องต้น ได้แก่ แอร์ไม่เย็น น้ำหยดที่คอยล์เย็น แอร์มีกลิ่นอับชื้น คอยล์ร้อนร้องเสียงดังผิดปกติ ไม่ว่าจะเรียกช่างมาแก้ไขอย่างไร กลับไปใช้งานตามปกติได้ไม่ถึงเดือน อาการเดิมก็กลับมาอีกครั้ง ถ้าต้องเรียกช่างเข้ามาแก้ไขบ่อยๆ ก็จะทำให้เกิดค่าใช้จ่ายสูง แนะนำให้เปลี่ยนแอร์ใหม่ดีกว่า จะได้ไม่ต้องเหนื่อยใจกับปัญหาเดิมๆ

Q12: แอร์เสียควรติดต่อใคร?

กว่า 80% พบว่าแต่ละบ้านจะมีเบอร์ช่างซ่อมแอร์อยู่ในมือถือ แต่ถ้ายังอยู่ในช่วงเวลารับประกัน ให้ติดต่อไปที่เบอร์โทรศัพท์ของศูนย์บริการได้เลย


Sponsored by Mitsubishi Heavy Duty

ได้คู่มือจัดการอากาศสำหรับคนติดบ้านไปแล้ว หากในบ้านของเราติดเครื่องปรับอากาศที่ดีด้วย ก็ยิ่งช่วยให้อยู่เย็น เป็นสุข(กายและใจ) ยิ่งขึ้น กับ Mitsubishi Heavy Duty รุ่น *YXP และ *YXS เครื่องปรับอากาศระบบ Inverter ที่ช่วยประหยัดไฟได้มากกว่า ด้วยส่วนประกอบสำคัญ 4 อย่าง คือ แผงวงจรอัจฉริยะ คอมเพรสเซอร์กระแสตรง DC วาล์วอิเล็กทรอนิกส์ EEV และมอเตอร์กระแสตรง

สำหรับใครที่มองหาเครื่องปรับอากาศสาย Fighting ทั้งอึดและอัด(คุณสมบัติที่ดี) ขอแนะนำรุ่น *YXP ราคาประหยัด แต่ได้หลากหลายฟังก์ชั่น ที่มาช่วยจัดการอากาศในบ้าน อาทิ Jetflow ส่งลมเย็นได้ไกล Hi Power โหมดพลังสูงช่วยให้ห้องเย็นเร็วขึ้น Self Clean Operation ฟังก์ชั่นทำความสะอาดตัวเอง ช่วยให้คอยล์เย็นแห้ง ยับยั้งการเติบโตของเชื้อรา

ส่วนรุ่น YXS เป็นเครื่องปรับอากาศที่ราคาสูงขึ้นอีกนิด แต่คุ้มค่าอย่างมาก เพราะนอกเหนือจากคุณสมบัติที่มีเหมือนกับรุ่น YXP ทุกประการแล้ว รุ่นนี้ยังสามารถสวิงได้ 4 ทิศทาง ขึ้นลง ซ้ายขวาและรองรับคุณสมบัติ 3D Auto กระจายลมเย็นทั่วทุกมุมห้อง ด้วยการสวิงอัตโนมัติแนวตั้ง 6 รูปแบบและแนวนอน 8 รูปแบบ เพิ่มเติมด้วยฟังก์ชั่นปล่อยประจุลบ ทำให้อากาศภายในห้องบริสุทธิ์เหมือนอยู่ท่ามกลางธรรมชาติด้วย 24 Hour ION และยังแถมแผ่นฟอกอากาศมาพร้อมกับตัวเครื่องถึง 2 ชนิด ได้แก่ Vitamin C Filter ช่วยปล่อยวิตามินซีออกมาช่วยให้ผิวชุ่มชื้น และ Anti-allergy & Activated Carbon Filter ช่วยดูดซับก๊าซอันตรายและสารก่อภูมิแพ้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ทางบริษัท Mitsubishi Heavy Duty ยังได้เปิดตัวฟิลเตอร์ NANO Carbon AIR FILTER PM2.5 มาพร้อมกับเครื่องปรับอากาศทั้งสองรุ่นนี้ด้วย เป็นแผ่นกรองอากาศที่เหมาะกับสภาวะอากาศฝุ่น PM2.5 มากๆ แผ่นกรองอากาศ 3 ชั้นนี้ สามารถกรองควันพิษ ก๊าซพิษ ฝุ่น (PM10, PM2.5, PM1) แบคทีเรีย ไรฝุ่น เชื้อรา และช่วยกำจัดทุกกลิ่น อีกทั้งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผลิตตามมาตรฐาน RoHs (มาตรฐานเพื่อสิ่งแวดล้อม) ด้วย

สำหรับใครที่ซื้อเครื่องปรับอากาศ Mitsubishi Heavy Duty ทุกรุ่นตั้งแต่วันนี้ ถึง 31ธันวาคม หรือจนกว่าของจะหมด จะได้รับแผ่นฟอกอากาศ Nano Carbon Air Filter PM2.5 แถมไปกับตัวเครื่องด้วย ส่วนใครที่สนใจเปลี่ยนฟิลเตอร์เป็น Nano Carbon Air Filter PM2.5 อย่าลืม! เช็ครุ่น เช็คขนาดฟิลเตอร์ แล้วแจ้งมาที่ศูนย์บริการ Mitsubishi Heavy Duty โทร.02 378 9999 หรือที่ Mitsubishi Heavy Duty Thailand

Magazine made for you.