5 ปลายทางต่อไป…ที่คนชอบเที่ยวควรไปสักครั้ง

เพราะชีวิตคือการเดินทาง หรือ การผจญภัยที่ไม่มีคำว่าสิ้นสุด ที่ทำให้เมื่อยิ่งเดินทาง ก็ได้พบว่ายังมีที่เส้นทางที่เราสมควรต้องไปให้ถึงสักครั้งอีกไม่รู้เท่าไร ยิ่งเสิร์ชหาก็ได้เจอสถานที่แปลกใหม่ที่อยู่นอกสารบบ คลังภาพในโซเชียลมีเดียของคนที่เรากดติดตาม กระตุ้นให้อยากออกไปค้นหา และออกควานหาเที่ยวบินมาแล้วไม่รู้กี่ทริป หากเลห์ ลาดักที่คิดว่าลำบาก ก็ลุยมาแล้ว ไอซ์แลนด์ที่คิดว่าไกล ก็ไปถึงแล้ว EBC หรือ ABC ที่ว่าเหนื่อย ก็เดินก็ปีนมาแล้ว หมู่เกาะมัลดีฟส์ก็ไปจนเบื่อแล้ว เราอยากชวนคุณออกนอกเส้นทางเดิมๆ ไปพบปลายทางใหม่ๆ ที่ท้าทายและน่าผจญภัยไม่แพ้กัน

Are you ready to GO?

Rush Lake Trek – ปากีสถาน

ทะเลสาบป่าสนที่สูงที่สุดในโลก

● ตู้เอทีเอ็มที่ตั้งอยู่สูงที่สุดของโลกอยู่ที่ปากีสถานตอนใต้ บริเวณ Khunjerab Pass เส้นทางที่ราบสูงซึ่งผ่านเทือกเขาคาราโครัมอยู่สูง 16,007 ฟุตจากระดับน้ำทะเล

● เมือง Sialkot ในปากีสถานเป็นแหล่งผลิตลูกฟุตบอลที่เย็บด้วยมือที่ใหญ่ที่สุดในโลก และลูกฟุตบอล Adidas Telstar 18 ที่ใช้ในการแข่งขันฟุตบอลโลกปี 2018 ก็ผลิตขึ้นจากที่นี่ด้วย

● Imran Khan นายกรัฐมนตรีคนล่าสุดของปากีสถาน เคยเป็นนักกีฬาคริกเก็ตแชมป์โลก (ค.ศ. 1992) มาก่อน

ถ้าคุณเคยไปเห็นภูมิประเทศอันงดงามของเลห์ ลาดักในอินเดียมาแล้ว หรือเดิน trekking เส้นทาง ABC (Annapurna Base Camp) หรือ EBC (Everest Base Camp) ในเนปาลแล้วยังติดตาตรึงใจคุณอยู่ ลองกระเถิบไปทางซ้ายของแผนที่โลกอีกนิด แล้วปักหมุดลงไปที่ประเทศปากีสถาน คุณจะได้พบกับอีกเส้นทาง trekking ที่น่าตื่นตาด้วยทัศนียภาพธรรมชาติอลังการที่มีชื่อว่า ‘Rush Lake Trek’ ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขา Hunza

ที่นี่ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งปลายทางใน Bucket List ของ trekker สายแข็ง เริ่มจากช่วงแรกของเส้นทางที่ต้องข้าม Hopper Glacier ธารน้ำแข็งเก่าแก่ขนาดใหญ่ ที่มีหินสีดำตัดขอบน้ำแข็งสีขาวดูแปลกตาและต่อด้วย Barpu Glacier, Black Glacier, White Glacier ตลอดเส้นทางที่มีทั้งพื้นที่ยากง่าย ได้นอนสูงใกล้ฟ้า ได้ตื่นมาพบทิวทัศน์สุดอลังการ ใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 6 วัน 5 คืน (ช่วงเวลาที่แนะนำคือช่วงฤดูร้อน ก.ค.-ก.ย.)

ส่วน ‘Rush Lake’ ซึ่งเป็นวิวที่หลายคนเฝ้ารอจะเห็นด้วยตาตัวเองนั้น จะอยู่ช่วงวันที่ 3 ของการ trekking

หลังจากที่เดินผ่านทุ่งหญ้าสีเขียวไปเพียง 1-2 ชั่วโมง ทะเลสาบที่สูงที่สุดในโลกก็ปรากฎอยู่ตรงหน้า และไม่เพียงแค่ทะเลสาบที่สะกดให้เราเกือบหยุดหายใจ ทัศนียภาพรอบๆ ทะเลสาบที่ถูกโอบล้อมไปด้วย ภูเขาสูงที่มีชื่อเสียงของปากีสถาน ไม่ว่าจะภูเขาเถื่อน K2 (ยอดเขาที่สูงเป็นอันดับ 2 ของโลก), Meer Peak, Golden Peak, Lady Finger เป็นต้น แม้จะเป็นเส้นทางสมบุกสมบันที่ต้องใช้ทั้งพลังกายและพลังใจ แต่ความงดงามทั้งระหว่างและปลายทางนั้นคุ้มค่าจนลืมไม่ลงแน่นอน

 

Namib Desert – นามิเบีย

ทะเลทรายดึกดำบรรพ์ของโลก

● นามิเบียเป็นประเทศผู้ผลิตเพชรรายใหญ่ของโลก

● นาเบียเป็นประเทศแรกในแอฟริกา ที่บัญญัติเรื่องการอนุรักษ์สภาพแวดล้อมและปกป้องทรัพยากรธรรมชาติ ไว้ในรัฐธรรรมนูญ

● ผู้หญิงชนเผ่าฮิมบาในประเทศนามิเบีย ไม่เคยอาบน้ำสักครั้งในชีวิต แต่จะใช้วิธีอบควันหอมจากการเผาสมุนไพรแทน

● ภาพยนตร์ฮอลลีวูดชื่อดังหลายเรื่องถ่ายทำที่ประเทศนามิเบีย อาทิ 2001: A Space Odyssey (1968), The Cell(2000), Flight of the Phoenix (2004), Mad Max: Fury Road (2015) เป็นต้น

โลกของเรามีพื้นที่ทะเลทรายอยู่ร้อยละ 20 ของพื้นที่ทั้งหมด นอกจากทะเลทรายขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ที่หลายคนคุ้นชื่ออย่างซาฮาร่า แอฟริกายังมีทะเลทรายสำคัญอีกแห่งที่กระเถิบลงมาทางใต้ในประเทศนามิเบีย คือทะเลทรายนามิบ (Namib Desert) หรือ ‘Sea of Red Sand’ ทะเลทรายสีแดงที่เก่าแก่ที่สุดในโลก อายุกว่า 55-80 ล้านปี ซึ่งทอดตัวยาวไปตามแนวชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก เรื่อยไปจนจรดชายแดนประเทศแองโกลา ความยาวประมาณ 2,000 กิโลเมตร คลอบคลุมพื้นที่ 50,000 กิโลเมตร

แลนด์มาร์กสำคัญของทะเลทรายนามิบ ได้แก่ Sossucvlei แอ่งโคลนแห้งสีขาวขนาดใหญ่ ซึ่งโอบล้อมไว้ด้วยเนินทรายสีแดงสูง และใกล้ๆยังมีอีกหลายจุดสำคัญอย่าง Deadvlei หรือหุบเขาที่ตายแล้ว ที่มีซากต้น Vamel thron อายุกว่า 800 ปี ตั้งลำต้นอยู่ในแอ่งโคลนสีขาวไว้อย่างน่าอัศจรรย์

เนินทราย Dune 45 (ตั้งอยู่ กม.ที่ 45) เนินทรายสีส้มแดงที่มีความสูงราว 170 เมตร ที่มีนักท่องเที่ยวถ่ายภาพลงในอินสตราแกรมใส่แฮชแท็ก #dune45 เอาไว้กว่า 14,500 ภาพ

Big Daddy Dune เนินทรายที่สูงกว่า 400 เมตร ซึ่งเมื่อถ่ายภาพจากบนยอดเนินทรายลงมา จะได้บรรยากาศเหมือนอยู่บนดาวดวงอื่น ที่มีแต่ทะเลทรายไกลสุดลูกหูลูกตา และถ้าโชคดีก็อาจจะได้เห็นสิ่งมีชีวิตสุดพิเศษ ที่อาศัยอยู่ในทะเลทรายแห่งนี้อย่าง กวางเจ็มส์บ็อค, หมาจิ้งจอกหลังดำ, อีกาอกขาว เป็นต้น

Ittoqqortoormiit – กรีนแลนด์

เกาะที่ใหญ่ที่สุดและอยู่เหนือสุดของโลก

● เรือคายัคมีกำเนิดมาจากประเทศกรีนแลนด์ โดยชาวอินูอิตสร้างขึ้นมาเพื่อใช้เป็นพาหนะไปล่าสัตว์ โครงทำจากไม้แล้วหุ้มด้วยหนังสัตว์อย่างเช่น แมวน้ำ เป็นต้น

● สีบ้านอันสดใสซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของกรีนแลนด์ แต่ละสีแบ่งประเภทการใช้งานเอาไว้ด้วย อาคารพาณิชย์เป็นสีแดง โรงพยาบาลสีเหลือง สถานีตำรวจเป็นสีดำ โรงงานปลาเป็นสีฟ้า เป็นต้น

● ค.ศ. 1946 สหรัฐอเมริกาได้ขอซื้อกรีนแลนด์จากเดนมาร์กเป็นจำนวนถึง 100,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ แต่เดนมาร์กได้ตอบปฏิเสธกลับไป

ไหนๆ จะออกไปเที่ยวไกลๆ ทั้งที ก็ต้องขึ้นไปให้เหนือสุดขอบโลก หากคุณเคยไปไอซ์แลนด์แล้วคิดว่าไกลแล้ว ลองปักหมุดให้สูงขึ้นจากไอซ์แลนด์ไปอีกสักหน่อย คุณจะได้พบกับเกาะที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่างกรีนแลนด์ ดินแดนแห่งธารน้ำแข็งและภูผาน้ำแข็งอันสูงชัน ที่อุณหภูมิติดลบเกือบตลอดทั้งปี

ชื่อเมือง อิตตอกกอร์ตูมีต (Ittoqqortoormiit) มีความหมายว่า สถานที่ที่มีบ้านหลังใหญ่ เป็นหมู่บ้านชาวประมงสงบเงียบ ที่ตั้งอยู่ทางชายฝั่งตะวันออกของเกาะ มีบ้านเรือนเพียงราวๆ 450 หลังเท่านั้น

ชาวเมืองอิตตอกกอร์ตูมีตใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างลงตัว นอกจากแสงเหนือที่สามารถเห็นได้จากหน้าต่างหรือหน้าประตูที่พักแล้ว (หรือบางคนก็นั่งเรือไปชมแสงเหนือกลางทะเล) ยังโอบล้อมด้วยธรรมชาติสุดมหัศจรรย์ ทั้งอุทยานแห่งชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก ฟยอร์ดที่ยาวที่สุดในโลก รวมถึงสัตว์ขั้วโลกเหนือนานาชนิด เช่น นาร์วาล (ยูนิคอร์นแห่งท้องทะเล), วอลรัส, แมวน้ำ, หมีขั้วโลก อีกกิจกรรมยอดนิยมที่ไม่ควรพลาดคือ การนั่งเลื่อนหิมะที่ใช้สุนัขนับสิบตัวลาก โดยส่วนใหญ่จะเป็นสุนัขพันธุ์ไซบีเรียยฮัสกี้หรืออลาสกันมาลา

Trinidad – คิวบา

เมืองมรดกโลกอายุกว่า 500 ปี

● ซิการ์จากประเทศคิวบามีชื่อเสียงที่สุดในโลก และยังที่นี่ยังเป็นแหล่งปลูกยาสูบขนาดใหญ่อันดับต้นๆ อีกด้วย

● ภาพเช เกวารา คาบซิการ์ หนึ่งในภาพในตำนานของนักปฏิวัติแห่งละตินอเมริกา ถูกถ่ายขึ้นในห้องทำงานของเช ขณะที่เขาเป็นรัฐมนตรีอุตสาหกรรมของประเทศคิวบา ถ่ายเมื่อปี 1963 โดยช่างภาพชื่อ Rene Burri

● For Whom the Bell Tolls (ศึกสเปญ) และ The Old Man and the Sea (เฒ่าผจญทะเล) 2 ผลงานที่เออร์เนสต์ เฮมิงเวย์ นักเขียนรางวัลโนเบล แต่งขึ้นขณะเขาอยู่ที่คิวบา

● งานอดิเรกยามว่างของชาวคิวบาคือการเล่นโดมิโน่

จากที่เคยถูกจดจำในฐานะดินแดนแห่งการปฏิวัติและประเทศคอมมิวนิสต์ที่เกือบจะเป็นชนวนสงครามนิวเคลียร์ ทว่าในยุคนี้คิวบากลับเป็นประเทศที่กำลังเนื้อหอม หลังจากที่สหรัฐอเมริกากลับมากระชับความสัมพันธ์เมื่อราวปี 2015 ก็มีนักเดินทางแวะเวียนไปเยือนคิวบาที่ยังคงความคลาสสิคเอาไว้ประหนึ่งถูกแช่แข็งไว้ตั้งแต่ช่วงปี 1959 รัฐบาลคิวบาได้เผยข้อมูลว่าปี 2017 มีนักท่องเที่ยวเดินทางมายังคิวบาถึง 4.7 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 18%

สำหรับใครที่อยากจะย้อนเวลาไปสัมผัสกับคิวบาที่ยังไม่เปลี่ยนแปลง ทางตะวันออกเฉียงใต้ของกรุงฮาวานา มีเมืองเล็กๆ ที่ชื่อว่า ตรินิแดด (Trinidad) อยู่ในจังหวัดซังตีสสปีรีตุส เป็นเมืองเก่าแก่อายุกว่า 500 ปีที่ UNESCO ขึ้นทะเบียนให้เป็นเมืองมรดกโลกตั้งแต่ปี 1988

พื้นถนนเมืองตรินิแดดยังปูด้วยหินแบบโบราณ แม้แต่หินที่ใช้ยังเป็นหินแม่น้ำด้วยซ้ำ สถาปัตยกรรมต่างๆ เต็มไปด้วยกลิ่นอายสแปนิชโคโลเนียล ที่มีทั้งสีพาสเทลสลับสีสันสดใส ท้องถนนเต็มไปด้วยรถโบราณยุค 40-50 มีเสียงดนตรีชวนเต้นรำดังลอดจากบาร์และร้านอาหาร และยังมีสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์หลายแห่ง เช่น หอคอยอิสนากา (Iznaga Tower) ที่ตระหง่านเด่นเป็นสัญลักษณ์มาตั้งแต่ยุคก่อร่างสร้างเมือง

นอกจากนี้ ที่นี่ยังมีทัวร์ขี่ม้าเที่ยวน้ำตกซึ่งตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ หรือเลยไปอีกหน่อยจะมีชายหาด Playa Ancon ให้คุณได้นอนอาบแดดบนชายฝั่งทางใต้ของคิวบา

Múlafossur – หมู่เกาะแฟโร

มหัศจรรย์แห่งธรรมชาติ

● บนเกาะแฟโรมีไฟจราจรทั้งหมด 3 แห่ง และมีแกะมากกว่าคน

● เกาะแฟโรมีฉายาว่า ‘Land of Maybe’ ด้วยอากาศบนเกาะแฟโรเปลี่ยนแปลงบ่อยมาก บ่อยจนมีประโยคที่พูดกันติดปากว่า “ถ้าคุณไม่ชอบอากาศตอนนี้ ให้รออีก 5 นาที”

● ต้นไม้บนเกาะนี้ส่วนใหญ่นำเข้ามาจาก อลาสก้าและติเอร์ราเดลฟูเอโก

● 80 ปี คืออายุเฉลี่ยของชาวเกาะแฟโร

Faroe Islands หรือหมู่เกาะแฟโร หมู่เกาะเล็กๆที่อยู่กลางมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ ทว่ามีน้อยคนจะรู้ว่าอยู่ที่ไหน และที่เคยเดินทางไปก็ยิ่งน้อยลงไปอีก ทั้งที่หมู่เกาะนี้อยู่ไม่ไกลจากไอซ์แลนด์ และนอร์เวย์เลย ด้วยลักษณะภูมิประเทศไม่เหมือนที่ใดในโลก และภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อยเหนือการคาดเดา จนได้รับฉายาว่าเป็น Land of Maybe เดี๋ยวแดดออก เดี๋ยวหิมะตก เมฆครึ้มฟ้าเปิดสลับกันไป

หมู่เกาะแฟโรเป็นดินแดนในปกครองของเดนมาร์ก มีเกาะภูเขาไฟทั้งหมด 18 เกาะ เชื่อมถึงกันด้วยถนนและอุโมงค์ มีประชากรแกะมากกว่า 70,000 ตัว แต่มีประชากรมนุษย์แค่ราว 50,000 คนเท่านั้น

สำหรับแลนด์มาร์กสำคัญที่ทำให้ใครต่อใครต่างยอมควักเงินจำนวนมาก เพื่อแลกกับประสบการณ์พิเศษครั้งหนึ่งในชีวิต ก็คือน้ำตก Múlafossur ที่ตั้งอยู่ในหมู่บ้าน Gásadalur ซึ่งอยู่ตะวันตกสุดของเกาะ Vager เป็นน้ำตกที่ไหลดิ่งจากทะเลสาบ Leitsvatn ที่ใหญ่ที่สุดของเกาะลงสู่ริมทะเลกลางมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ มีความสูงถึง 30 เมตร

ถัดออกมาไม่ไกลจากน้ำตกจะมีหมู่บ้าน Saksun ซึ่งบ้านทุกหลังปกคลุมด้วยสีเขียวของหญ้าที่ปลูกไว้บนหลังคา ถึงแม้ดินแดนจะห่างไกล แต่ก็ไม่ต้องห่วงว่าจะไม่มีอะไรดีๆ ให้รับประทาน เพราะบนเกาะมีร้านอาหารร้านแรกที่ได้มิชลินสตาร์ของเกาะชื่อ Koks คอยรองรับเหล่านักชิมจากแดนไกลกันด้วย


Sponsored by Samsonite

YOU ARE GENERATION GO! นิยามใหม่ของเจนเนอเรชั่นที่ไม่ได้จำกัดอยู่ที่อายุอีกต่อไป แต่หากคือหัวใจที่พร้อมออกเดินทาง กับคอลเลกชั่นใหม่ล่าสุดของ Samsonite ที่มีทั้ง Lite-Box, Aspero และ Cosmolite พร้อมช่วยเติมเต็มทุกสไตล์ที่เป็นตัวคุณ เพื่อให้คุณได้เตรียมออกเดินทางไปสถานที่ในฝัน ได้อย่างมั่นใจ และมีความสุขกลับมา Samsonite Generation Go จะมาเปลี่ยนทุกมุมมอง ให้คุณได้แชร์ความสุข ความฝัน และความรักที่จะออกไปค้นหาประสบการณ์ใหม่ๆให้กับชีวิต #GenerationGo #SamsoniteTH

Magazine made for you.