ชวนจิบสโลว์คอฟฟี่ที่ SANSIRI x BODUM Pop-Up Café แห่งที่สองของเอเชีย

ใครที่เป็นคอกาแฟ และชอบการลิ้มลองของรสชาติที่แตกต่างของกาแฟแต่ละแหล่ง แต่ละสูตรการทำ คงจะต้องเคยผ่านความบางเบาอันเป็นเอกลักษณ์ของกาแฟสไตล์นอร์ดิก ซึ่งมีคาแรกเตอร์เด่นตรงที่เป็นกาแฟคั่วอ่อน แต่ให้สัมผัสถึงรสชาติกาแฟแท้ๆ ได้อย่างดีที่สุดกันมาบ้าง

การชงกาแฟแบบนอร์ดิกเองนั้นมีขั้นตอนที่พิถีพิถัน เพื่อที่จะดึงรสชาติที่ดีที่สุดของกาแฟแต่ละตัวออกมาให้ได้ และทำให้ได้รสชาติที่ยอดเยี่ยมไร้ที่ติ ซึ่งมักจะเหมาะกับการทำ Coffee Cupping (Coffee Testing) ที่จะทำให้เรารู้จักคาแรกเตอร์กาแฟแต่ละตัวได้ดีที่สุดด้วยเช่นกัน

หนึ่งในกิจกรรม Coffee Cupping น่าสนใจที่กำลังจะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ก็คืองาน Slow Coffee with Thai Blends by Sansiri x Bodum ที่จะจัดขึ้นที่ BODUM Café at Sansiri Lounge ซึ่งนี่ถือว่าเป็น BODUM Café แห่งที่สองของเอเชีย หลังจากที่ประสบความสำเร็จมาแล้วจากคาเฟ่แห่งแรกที่ญี่ปุ่น แล้วก็ยังถือว่าคาเฟ่ที่เกิดขึ้นแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย

วัฒนธรรมสไลว์คอฟฟี่ที่น่าหลงใหล

รสชาติกาแฟที่ดีย่อมมาจากการชงที่ประณีต ว่ากันว่าหนึ่งในวิธีการชงกาแฟด้วยมือที่สามารถดึงรสชาติของกาแฟออกมาได้ดีที่สุดนั้นก็คือการชงแบบเฟรนช์เพรส (French Press) ซึ่งวิธีนี้เป็นวิถีการชงในรูปแบบสโลว์คอฟฟี่ (Slow Coffee) ที่ต้องลงแรงด้วยตัวเองและใช้เวลาพิถีพิถันกับมันสักนิด แต่รับรองว่ารสชาติที่ได้นั้นยอดเยี่ยมเชียวล่ะ

แล้วเมื่อเราพูดถึงการชงกาแฟรูปแบบนี้คอกาแฟหลายคนจะนึกถึงรูปร่างของเครื่องชงออกทันที ซึ่งเครื่องชงแบบเฟรนช์เพรสที่ถูกพัฒนาจนกลายเป็นไอคอนิกหนึ่งของโลกกาแฟไปแล้วนั้นก็คือเครื่องชงจากแบรนด์ โบดัม (Bodum) แถมยังเป็นหนึ่งในเครื่องชงสไตล์เฟรนช์เพรสที่ดีที่สุดในโลกด้วย โดยแบรนด์นี้ถือกำเนิดในประเทศเดนมาร์กมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1944 และเป็นส่วนสำคัญของวัฒนธรรมสโลว์คอฟฟี่ตลอดจนการชงกาแฟสไตล์นอร์ดิกเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน

หนึ่งในประเทศที่เอาจริงเอาจังกับเรื่องกาแฟมากที่สุดในแถบสแกนดิเนเวียนั้นคงต้องยกให้เดนมาร์ก เพราะนอกจากชาตินี้จะมีนักชงกาแฟและนักคั่วฝีมือเยี่ยมอยู่มากมายแล้ว เดนมาร์กยังเป็นชาติที่คว้าแชมป์ World Barista Championship มากที่สุดในโลกอีกด้วย นั่นยังไม่รวมถึงรายละเอียดวัฒนธรรมกาแฟในมุมอื่นๆ ไปจนถึงเมล็ดกาแฟชั้นดีที่คั่วได้อย่างยอดเยี่ยมอยู่มากมายหลายเจ้า หรือแม้แต่การเป็นต้นกำเนิดอุปกรณ์เกี่ยวกับกาแฟที่มีคุณภาพโด่งดังระดับโลกอย่างที่เล่าไปตอนต้นนั่นเอง

Coffee Cupping ชิมรสชาติกาแฟไทยในวิถีนอร์ดิก

ยุคก่อนนั้นคนนิยมกินกาแฟดำที่เกิดจากการคั่วเข้ม มีบอดี้หนักหน่วง แต่คนรุ่นใหม่ยุคหลังนิยมกินกาแฟคั่วอ่อน ที่มีบอดี้บางเบากันมากขึ้น การคั่วกาแฟที่ดีจึงมีส่วนสำคัญที่จะดึงคาแรกเตอร์ที่ชัดเจนของเมล็ดกาแฟแต่ละชนิดออกมาให้ได้ดีที่สุด

เมืองไทยของเราเองก็พัฒนาฝีมือการคั่วได้ดีขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน มีนักคั่วกาแฟฝีมือดีกระจายอยู่ทั่วประเทศ และเริ่มสร้างชื่อในระดับโลกมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วย รวมไปถึงการปลูกกาแฟที่ถึงแม้เมืองไทยจะอยู่ในเขต Coffee Belt หรือ Bean Belt (ระหว่างช่วงละติจูดที่ 23.5 องศาเหนือ ถึงละติจูดที่ 23.5 องศาใต้) แต่บ้านเราก็เพิ่งจะพัฒนาการปลูกกาแฟให้มีคุณภาพสูงมาเมื่อไม่กี่สิบปีนี้เอง แต่ถึงอย่างนั้นกาแฟไทยก็โตแบบก้าวกระโดด สามารถสร้างคาแรกเตอร์รสชาติของตัวเองให้โดดเด่นจนได้รับการยอมรับบนเวทีโลกได้รวดเร็วอยู่เหมือนกัน

กิจกรรม Coffee Cupping ครั้งนี้เป็นการจับมือกันระหว่าง แสนสิริ และ BODUM ที่จะสร้างประสบการณ์ในการชิมกาแฟรสชาติเยี่ยมให้คนไทยได้คุ้นเคยมากขึ้นด้วยการชงผ่านกรรมวิธีต่างๆ ตามวิถี Slow Coffee ที่กำลังกลับมานิยมอีกครั้งในยุคปัจจุบัน

หัวใจสำคัญของการจัดกิจกรรมครั้งนี้อีกอย่างก็คือการอยากชวนคนไทยมารู้จักกาแฟไทยของเราให้มากขึ้นและลึกซึ้งขึ้นด้วย ซึ่งเมล็ดกาแฟทั้งหมดที่นำมาใช้ในการทำ Coffee Cupping ในงานนี้ล้วนแล้วแต่เป็นเมล็ดกาแฟอาราบิก้าสายพันธุ์ไทยจาก 8 แหล่งปลูก เช่น หมู่บ้านป่าโหล อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่, อ.กัลยาณิวัฒนา จ.เชียงใหม่, อ.ผาตั้ง จ.เชียงราย, หมู่บ้านปางมะโอ อ.แม่ทะ จ.ลำปาง, อ.ปัว จ.น่าน และ หมู่บ้านห้วยตา อ.บ้านตาก จ.ตาก ซึ่งเมล็ดทั้งหมดยังคั่วและเบลนด์ด้วยสูตรเฉพาะตัวจากฝีมือนักคั่วกาแฟไทยอีกด้วย

คาแรกเตอร์ของเมล็ดกาแฟไทยแต่ละตัวนั้นน่าสนใจทีเดียวและกำลังเริ่มเป็นที่สนใจในระดับโลกมากขึ้นทุกวัน สำหรับใครที่อยากจะลองชิมรสชาติกาแฟแท้ๆ ของเมล็ดไทยแต่ละชนิดก็สามารถไปร่วมแจมงาน Slow Coffee with Thai Blends by Sansiri x Bodum นี้ได้ โดยเราสามารถเลือกเมล็ดกาแฟจากแหล่งปลูกต่างๆ ได้ตามชอบ

sansiri

หลังจากนั้นบาริสต้าฝีมือเซียนทั้งหลายจะแนะนำวิธีการชงกาแฟที่เหมาะสมกับแต่ ละสายพันธุ์และแต่ละแหล่งปลูกเพื่อให้ได้รสชาติกาแฟที่ดีที่สุด ซึ่งวิธีชงทั้ง 3 รูปแบบในงานนี้ก็ได้แก่การชงแบบกลั่นดว้ยเครื่องไซฟ่อน (Siphon), การดริปกาแฟ (Drip) อย่างพิถีพิถัน, ไปจนถึงการชงแบบเฟรนช์เพรส (French Press) ที่ประณีตในรสชาติซึ่งถือเป็นไฮไลท์เด็ดของงานเลยทีเดียว โดยงานนี้ยังมีบาริสต้าฝีมือเยี่ยมอย่าง คุณฟาน-อัครินทร์ ศิวพรพิทักษ์ จาก Coffeeology มาทำกาแฟตลอดจนให้ความรู้อย่างถึงแก่น พร้อมกับบาริสต้าฝีมือดีของไทยอีกหลายคนด้วย

สำหรับ BODUM Café at Sansiri Lounge นั้นอยู่บริเวณชั้น 3 สยามพารากอน จะเปิดบริการตั้งแต่เวลา 11.00-20.00 น. ระหว่างวันที่ 15-24 สิงหาคม 2561 นี้เท่านั้น โดยในช่วงแรกจะเปิดบริการให้เฉพาะลูกบ้านในเครือของแสนสิริก่อน และจะเปิดบริการให้คนทั่วไปได้ลองมาสัมผัสประสบการณ์พิเศษนี้ในช่วงระหว่าง วันที่ 20-24 สิงหาคม 2561 นี้

นักเดินทางที่เป็นทั้งนักเขียนและช่างภาพในตัว เขียนงานให้กับสื่อต่างๆ ในเมืองไทยมากมายตั้งแต่สารคดีหนักๆ, บทสัมภาษณ์, ไปจนถึงเรื่องดีไซน์และแฟชั่น แต่ผลงานที่โดดเด่นเห็นจะเป็นบทความด้าน Food & Travel ที่เขียนถึงทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่เขาหลงรักอย่างญี่ปุ่น

Magazine made for you.