Fly me to Marseille รู้จัก ‘มาร์กเซย’ เมืองหลวงวัฒนธรรมริมฝั่งเมดิเตอร์เรเนียน

“มาร์กเซยไม่ใช่ฝรั่งเศส”

บางคนอาจเคยได้ยินคนฝรั่งเศสแสดงความเห็นแบบนี้ ทั้ง ๆ ที่มาร์กเซย (Marseille) เป็นเมืองเก่าแก่ที่สุดและใหญ่เกือบที่สุดของฝรั่งเศส (ใหญ่เป็นอันดับ 2) แถมยังอัดแน่นด้วยเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่ย้อนไปได้ไกลถึงยุคกรีกโรมัน

ที่ชาวฝรั่งเศสภูมิภาคอื่นบางคนพูดกันแบบนั้น ส่วนหนึ่งก็เพราะมาร์กเซยมีความหลากหลายทางชาติพันธุ์ในแบบที่ไม่เหมือนเมืองไหน ๆ ด้วยความที่มาร์กเซยเป็นเมืองท่าชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนอายุกว่า 2,500 ปี ที่มีคนหลายชาติหลายภาษาขึ้นฝั่งมาตั้งรกราก ซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้ากันมาหลายชั่วคน มาร์กเซยจึงเป็นเป็นเมืองเบ้าหลอมวัฒนธรรมมาแต่โบราณ ไม่ว่าจะศิลปะ วิทยาการงานช่าง ไปจนอาหารการกิน ก็ล้วนเกิดจากการผสมผสานที่น่าสนใจ อย่าง บุยยาเบส (Bouillabaisse) หรือที่หลายคนรู้จักในฐานะซุปปลาสุดหรูของฝรั่งเศส ก็มีต้นกำเนิดที่เมืองมาร์กเซย แต่ว่ากันว่าสูตรซุปนี้ แท้จริงตกทอดมาจากผู้ตั้งรกรากชาวกรีกโบราณ ซึ่งมีตำนานความเชื่อกันว่าผู้ที่ริเริ่มปรุงซุปสูตรนี้ขึ้นมาที่แท้คือ เทพีวีนัส (ถือเป็นซุปเทพเชียวนะ)

แน่นอนว่าเมืองท่าที่รับเอาคนจากทุกสารทิศเข้ามานานเป็นพันปี ย่อมรับเอามาทั้งสิ่งดีและไม่ดีเข้ามา ถ้าใครรู้จักชื่อเสียงเมืองท่าของอิตาลีอย่างเนเปิลส์หรือปาแลร์โม หรือแม้แต่นิวยอร์กหรือนิวเจอร์ซีของสหรัฐในอดีต ก็จะทราบดีว่ามาร์กเซยเองก็ไม่ต่างกัน เมืองท่าเหล่านี้ไม่ใช่เมืองสำหรับคนไร้เดียงสา ในขณะที่หลายคนเดือดดาลสาบานว่าจะไม่กลับมาเหยียบ บางคนกลับหลงรักมาร์กเซยยิ่งกว่าเมืองสวยงามหรูหราแห่งไหนๆ และถ้าคุณยังลังเลที่จะออกไปทำความรู้จักเมืองที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาแห่งนี้ เรามี 5 เหตุผลที่ทำให้คุณจะตัดสินใจเดินทางข้ามซีกโลกไปรู้จัก.. มาร์กเซย

1. ประตูสู่เมดิเตอร์เรเนียน

กล่าวกันว่ายุโรปมี 3 เมืองท่าเมืองรีสอร์ทที่เราควรไปเยือนให้ได้สักครั้งในชีวิต ได้แก่ เมืองเจนัว ประเทศอิตาลี, เมืองบาเซโลนา ประเทศสเปน และเมืองมาร์กเซย ประเทศฝรั่งเศส

มาร์กเซย์เป็นเมืองท่าแห่งประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่ที่สุดในฝรั่งเศส บุกเบิกโดยชาวกรีกมาตั้งแต่ 600 ปีก่อนคริสตกาล ในอดีตเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจที่สำคัญ ที่เชื่อมระหว่างประเทศแถบชายฝั่งเมดิเตอร์เรเนียนกับประเทศอาณานิคมของฝรั่งเศส ทำให้ผู้คนจากหลากหลายถิ่นกำเนิดอพยพเข้ามาตั้งรกรากกันที่มาร์กเซยตั้งแต่อดีตคนถึงปัจจุบัน ความหลากหลายนี้เองที่ทำให้ชาวมาร์กเซยไม่เกี่ยงเหยียดว่าใครมาจากไหนหรือเชื้อสายอะไร ไม่ว่าจะกรีก, อิตาลี, อาร์เมเนีย, อัลจีเรีย, ตูนิเซีย, โมรอคโค, คอโมโรส, มาลี, เซเนกัล ที่อาศัยอยู่ในเมืองนี้ ทุกคนก็คือชาวมาร์กเซย ซีเนดีน ซีดาน อดีตนักฟุตบอลทีมชาติฝรั่งเศสชื่อดังผู้มีเชื่อสายอัลจีเรีย ก็เกิดที่มาร์กเซย

Marseille

ภาพเรือยอร์ชที่จอดเต็มริมท่าเรือ Viex Port เป็นอีกเสน่ห์ของเมืองชายทะเลแห่งนี้

ปัจจุบันบริเวณท่าเรือเก่า หรือ Vieux Port เป็นแหล่งทำมาหากินของชาวประมง กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสุด a must ของนักเดินทาง ที่จะต้องแวะมาซึมซับกลิ่นอายเมืองเก่ากับทะเลให้ได้ อีกทั้งยังมีอุดมไปด้วยคาเฟ่ ร้านอาหาร โรงแรมระดับ 5 ดาว รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ๆ ของเมืองอยู่หลายแห่ง หากมีเวลาก็น่านั่งเรือออกไปท่องเที่ยวเกาะที่อยู่รอบ ๆ ด้วย และถ้าใครเป็นสายโรแมนติกตกเย็นเดินหามุมงาม ๆ นั่งรอพระอาทิตย์ตกแถว ๆ นี้ได้เลย

ที่นี่ยังเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวต้องมาขึ้นรถประจำทาง เพื่อไปเที่ยวมหาวิหารนอเทรอดาม เดอ ลา การ์ด (Notre-Dame de la Garde) ซึ่งอยู่บนยอดเขาจุดสูงสุดของเมือง และเป็นจุดชมวิว 360 องศาที่สวยงามที่สุดด้วย

803 ปี คืออายุของมหาวิหารนอเทรอดาม เดอ ลา การ์ด (Notre-Dame de la Garde) ซึ่งเดิมทีเป็นเพียงโบสถ์ขนาดเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่บนเขา ภายหลังจึงมีการก่อสร้างและออกแบบโดย Jacques Henri Espérandieu ในขณะที่เขามีอายุเพียง 23 ปีเท่านั้น

อาคารมหาวิหารสร้างแบบนีโอไบเซนไทน์ (Neo-Byzantine) ทำจากหินอ่อนสีขาวสลับกับสีเทา และมีรูปปั้นพระแม่มารีอุ้มพระบุตรเป็นสีทองอร่ามหันหน้าออกสู่ทะเลอยู่บนยอดโดม สถานที่แห่งนี้เป็นที่พึ่งทางใจของชาวเมืองมาร์กเซยและชาวฝรั่งเศส ชาวประมงจะมาขอพรให้เดินเรือปลอดภัยหรือใครที่เจ็บไข้ได้ป่วยก็จะมาขอให้หายดี แล้วต่างก็นำสิ่งของมาแก้บนดังที่มีติดรูปภาพที่บริเวณกำแพง และมีโมบายเรือห้อยลงมาจากเพดาน

และใกล้ ๆ ท่าเรือยังเป็นที่ตั้งของอาคารเก่าแก่อายุถึง 151 ปี ที่เพิ่งถูกแปลงโฉมเป็นโรงแรมคลาสสิคสุดหรูระดับ 5 ดาว InterContinental Marseille – Hotel Dieu และเปิดให้บริการเมื่อ ค.ศ. 2013 นี้เอง

เดิมอาคารแห่งนี้เป็นโรงพยาบาล Saint Esprit ซึ่งสร้างในสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 18 ค.ศ. 1188 แม้จะมีการปรับปรุงใหม่ให้กลายเป็นโรงแรมหรูแต่ก็ยังคงอนุรักษ์โครงสร้างและกลิ่นอายเก่า ๆ อันอบอวลด้วยมนต์สเน่ห์สุดคลาสสิคดั้งเดิมเอาไว้ด้วย ทว่าการตกแต่งภายในนั้นกลับออกแบบอย่างทันสมัย และอำนวยความสะดวกและความผ่อนคลายให้คุณอย่างดีเยี่ยม

2. เมืองหลวงทางวัฒนธรรมของยุโรป

ไม่ใช่แค่เพียงความเก่าแก่และวัฒนธรรมอันยาวนานและหลากหลาย ที่ทำให้มาร์กเซยได้รับเลือกเป็นเมืองหลวงทางวัฒนธรรมยุโรปในปี 2013 ร่วมกับเมืองโคชิคเซ (Košice) ประเทศสโลวาเกีย หากแต่เมืองนี้ยังสนับสนุนให้มีพื้นที่ทางศิลปะไม่ว่าจะพิพิธภัณฑ์ แกลอรี่ งานศิลปะร่วมสมัยเป็นอย่างมาก

หนึ่งในความภาคภูมิใจและไฮไลท์ที่ห้ามพลาด MuCEM (The Museum of European and Mediterranean Civilization) พิพิธภัณฑ์อารยธรรมยุโรปและเมดิเตอร์เรเนียน ที่ตั้งอยู่บริเวณป้อมปราการ Fort Saint-Jean

MuCEM เป็นสถาปัตยกรรมแห่งแรกของโลกที่ปฎิวัติระบบโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กให้ดูโปร่งเบา ด้วยแผ่นคอนกรีตฉลุลายเป็นเส้นสายสวยงามทั้งหมด 384 ชิ้นซึ่งออกแบบโดย Rudy Ricciotti สถาปนิกชาวฝรั่งเศส โดยเริ่มเปิดให้เข้าชมในปีเดียวกับที่ได้รับเลือกให้เป็นเมืองหลวงทางวัฒนธรรม

จุดเด่นของตัวอาคารนี้คือการใช้คอนกรีตฉลุเป็นลวดลาย เกิดเป็นช่องแสงและทำให้มีลมพัดเข้าสู่ตัวอาคารได้ และมีทางเดินลอยฟ้าเป็นสะพานสีดำเชื่อมระหว่างป้อมปราการเก่ากับตัวอาคาร พิพิธภัณฑ์นี้นอกจากจัดแสดงเรื่องราวทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมในแถบเมดิเตอร์เรเนียนแล้ว ยังมีหลายกิจกรรมที่น่าสนใจ เช่น ภาพยนตร์ คอนเสิร์ต เวิร์คชอปต่าง ๆ


อีกหนึ่งผลงานสถาปัตยกรรม ที่เมื่อพูดถึงมาร์กเซยแล้วจะข้ามที่นี้ไปไม่ได้ คืออาคาร Unite d’habitation ของเลอกอร์บูซิเย (Le Corbusier) อาคาร 18 ชั้น ที่แซมสีสันสดใสแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในค.ศ. 1952 โดยใช้แนวคิด Modulor เพื่อกำหนดสัดส่วนพื้นที่ ให้อาคารแห่งนี้ให้มีครบตามความต้องการเบื้องต้นในชีวิตประจำวัน ภายในบรรจุไว้สารพัด ตั้งแต่โรงพยาบาล โรงเรียนสำหรับเด็กเล็ก ร้านค้า สถานที่ออกกำลังกาย ไปจนร้านทำผม ฯลฯ ภายใต้แนวคิดการอยู่อาศัยร่วมกัน

3. เลิศรส สดใหม่ ใกล้ทะเล

แอนโธนี่ โบร์เดน เชฟนักเดินทางและพิธีกรฝีปากกล้าเคยพูดถึงมาร์กเซยไว้ว่าเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยอาหารเลิศรส และถูกประเมินค่าต่ำเกินไป แน่นอนว่าอยู่ติดทะเลเมดิเตอร์เรเนียนซะขนาดนี้ หนึ่งในของดีมาร์กเซยย่อมต้องเป็นอาหารทะเลสดใหม่ ทุก ๆ เช้าตั้งแต่ประมาณ 8 โมงเช้าชาวประมงจะนำปลาและสัตว์ทะเลที่ออกเรือจับได้มาวางขายที่ตลาดหน้าท่าเรือ Vieux Port มีทั้งขายเป็นตัว และหั่นเป็นชิ้นพร้อมนำไปประกอบอาหารต่อได้เลย


คุณจะยังไม่ถึงมาร์กเซย ถ้ามาแล้วไม่ได้ชิมบุยยาเบส (Bouillabaisse) หรือซุปทะเลที่ทำจากปลาหลายชนิดสำหรับทานคู่กับขนมปังกรอบ เช่นเดียวกับชาวมาร์กเซย ซุปนี้มีประวัติยาวนานในเรื่องการผสมผสานผ่านวัฒนธรรม และยังเป็นความภาคภูมิใจของเมืองอีกด้วย

แม้ชาวมาร์กเซยส่วนใหญ่จะค่อนข้างจน แต่คำแนะนำจากชาวประมงท้องถิ่นในการเลือกรับประทานบุยยาเบส คืออย่าทานซุปนี้ที่ราคาต่ำกว่า 50 ยูโร (ประมาณ 2,000 บาท) ตามร้านที่เปิดล่อนักท่องเที่ยว เพราะมันจะทำจากปลาอิมพอร์ตแช่แข็ง ส่วนร้านดังของเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องซุปทะเลนี้จริงๆ ก็จะมี Chez Fonfon กับ Chez Michel ที่เหล่านักชิมจะยอมลงทุนเดินทางไปลิ้มรสชาติที่แท้จริงของตำนานเมดิเตอร์เรเนียน

4. Château d’If จุดกำเนิดนวนิยายสุดคลาสสิคของฝรั่งเศส

ถ้าคุณเคยอ่านนวนิยาย หรือเคยดูภาพยนตร์สุดคลาสสิคเรื่อง The Count of Monte Cristo ซึ่งประพันธ์โดย อาแล็กซ็องดร์ ดูว์มา (Alexandre Dumas) นักเขียนชาวฝรั่งเศสชื่อดังก้องโลก Château d’If เป็นที่ที่ตัวเอกของเรื่องถูกคุมขังยาวนานถึง 13 ปี และอีกนวนิยายอีกหนึ่งเรื่องที่เขาใช้บรรยากาศของสถานที่แห่งนี้อีกครั้ง คือThe Three Masketeers (สามทหารเสือ) หรือแม้กระทั่งภาพยนตร์เรื่อง The Man in the Iron Mask ที่หนุ่ม ลิโอนาโด ดิคาปริโอ รับบทเด่นในเรื่องนี้เมื่อปี ค.ศ. 1998 ก็เป็น Side Story ของนวนิยายเรื่องสามทหารเสือ ซึ่งถูกยกมาจากตอนที่ 3 ของหนังสือ Le Vicomte de Bragelonne ou Dix ans plus tard แน่นอนว่าเขียนโดยดูว์มา คนเดิมนั่นเอง


Château d’If (If Castle) เดิมเป็นป้อมปราการ พระเจ้าฟรองซัวส์ที่ 1 (King Francis I) สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1524-1531 ต่อมาถูกแปลงฟังก์ชั่นเป็นคุกกลางทะเลที่คุมขังชาวโปรแตสแตนท์กว่า 3,500 ชีวิตที่ต่อต้านการปฏิรูปศาสนาคริสต์ในช่วงศตวรรษที่ 17 และต่อมาก็ใช้เป็นที่คุมขังนักโทษทางการเมือง

Mark Twain บิดาแห่งวรรณกรรมอเมริกัน เป็นอีกคนที่มาเยือน Château d’If แล้วกล่าวว่าเขาเคยเห็น ‘หน้ากากเหล็ก’ บนเกาะแห่งนี้ (จากคำบรรยายในหนังสือบันทึกการเดินทางเรื่อง The Innocents Abroad) แต่ตามประวัติศาสตร์ไม่เคยมีบันทึกว่าชายหน้ากากเหล็กเคยถูกคุมขังที่นี่แต่อย่างใด

5.ดินแดนของเหล่านักเดินตลาด(นัด)

นอกจากตลาดปลายามเช้าบริเวณท่าเรือเก่าที่แนะนำไปแล้ว ในมาร์กเซยยังมีอีกหลายตลาดน่าสนใจที่ป็อปอัพขึ้นในอาทิตย์ อย่างเช่น ‘Mega Vide Greniers’ ตลาดแอนทีคเปิดท้ายขายสารพัดสิ่ง ที่เป็นแหล่งรวมของดีเด็ดที่เจ้าของไม่ต้องการแล้ว ขายกันตั้งแต่ 7 โมงเช้ายาวไปจนถึง 3 ทุ่มให้ช้อปกันได้ยาวๆ ตลอดทั้งวันอาทิตย์


นอกจากนี้ยังมี ‘Marché Centre Commercial les Puces’ ตั้งอยู่ที่ 130 Chemin de la Madrague de la Ville เปิดขายทุกวันอังคารและอาทิตย์ เวลา 8.30-19.30 น. รวมไปถึงตลาดดอกไม้และต้นไม้ขนาดเล็กน่ารัก ๆ อย่าง ‘Marché Square Stalingrad’ ตั้งอยู่บนถนน Square Stalingrad เปิดขายทุกวันอังคารและเสาร์ เวลา 8.00-13.00 น. และตลาดขายผักผลไม้สดใหม่ไม่มีผิดหวังเรื่องความอร่อย ‘Marché Canebière’ ตั้งอยู่บนถนน La Canebière เปิดขายทุกวันอังคารและเสาร์ เวลา 8.00-13.00 น. แต่อีกหนึ่งสิ่งที่อยากให้คุณลองมองหาเมื่ออกไปเดินตามตลาด คือ food truck คุณอาจจะแปลกใจเมื่อได้เห็นว่า food truck ยอดนิยมของมาร์กเซย คือ พิซซ่า! ที่โรยหน้าด้วยชีสนานาชนิดจนอาจทำให้คุณนำลายสอ

สำหรับนักเดินทางที่อยากมาเยือนเมืองเมดิเตอร์เรเนียนแห่งนี้ หรือท่องเที่ยวเมืองข้างเคียงแถบ Côte d’Azur หรือเฟรนช์ริเวียร่า อย่าง นีซ, คานส์, แซงต์ โทรเปซ หรือ โมนาโค ขณะนี้สายการบิน Qatar ได้เปิดเส้นใหม่จาก BKK-NICE โดยแวะพักที่สนามบินนาชาติฮาหมัด กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือจองตั๋วเครื่องบินได้ที่ www.qatarairway.com และสามารถเดินทางต่อมายังเมืองมาร์กเซยได้ทางรถยนต์ประมาณ 2 ชั่วโมง หรือรถไฟใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง

Magazine made for you.