The Monument | ‘อนุสาวรีย์แห่งการค้นพบ’ เมืองลิสบอน โปรตุเกส

กล่าวกันว่ามนุษย์นั้นมีสัญชาตญาณที่ต้องการที่จะ “ถูกจดจำ”

จะเห็นได้ว่ามนุษย์แต่ละยุคนั้น แกะไม้ กะเทาะหิน หล่อโลหะ ก่อร่างสร้างสิ่งใหญ่โตขึ้นเพื่อเล่าขานตำนาน ส่งผ่านร่องรอยการมีตัวตนให้คนรุ่นต่อไปได้รับรู้ สิ่งเหล่านี้ทนทานแข็งแกร่งและมักถูกสร้างขึ้นอย่างวิจิตร แฝงด้วยวิทยาการที่บ่งบอกอารยธรรมเฉพาะของช่วงเวลานั้นๆ ที่สำคัญคงอยู่ยาวนานผ่านยุคผ่านสมัย หลายแห่งกลายเป็นสัญลักษณ์ประจำชาติ เป็นเครื่องหมายแห่งชัยชนะและความสำเร็จ เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของมวลมนุษย์ และกลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เราทั้งหลายสามารถเข้าไปชมไปสัมผัสได้ในทุกวันนี้

ภาษาไทยเราเรียกสิ่งเหล่านี้ว่า อนุสรณ์สถานบ้าง อนุสาวรีย์บ้าง ส่วนภาษาอังกฤษมีคำเรียกหมุดหมายสำคัญเหล่านี้ว่า Monument ซึ่งมีรากศัพท์มาจากคำภาษาละตินว่า Monere ทั้งหมดล้วนมีความหมายเดียวกัน คือ “เพื่อย้ำเตือน” สิ่งปลูกสร้างและสถานที่สำคัญเหล่านี้ จึงเต็มไปด้วยเรื่องราวมากมาย ที่ถูกแฝงไว้ในรายละเอียดต่างๆ ที่ถูกสร้างไว้ให้โลกจำ

เชื่อว่า โปรตุเกส เป็นชื่อชนชาติตะวันตกที่เราได้รู้จักผ่านวิชาสังคมเป็นชื่อแรกๆ

ย้อนกลับไปยุคแห่งการสำรวจทางทะเล หรือช่วงศตวรรษที่ 15-18 ประเทศหนึ่งที่มีความชำนาญและต้องยกให้เป็นเจ้าแห่งการเดินสมุทร คงหนีไม่พ้นประเทศโปรตุเกส ดังที่มีชื่อประเทศนี้เข้าไปอยู่ในบันทึกประวัติศาสตร์โลกว่าเป็นประเทศแรกๆ ที่ได้เข้าไปค้าขาย เจริญสัมพันธไมตรีกับแดนตะวันออกไกล ซึ่งรวมถึงประเทศไทย ชาวโปรตุเกสหลงใหลคลั่งใคล้ในการเดินทางกันทุกชนชั้น ตั้งแต่ นักเดินเรือ นักสำรวจ พ่อค้า นักบวช ไปจนกระทั่งราชวงศ์แห่งประเทศโปรตุเกส ต่างมีความทะเยอทะยานที่จะกางใบเรือออกท่องโลกที่ยังไม่รู้จัก เรื่องราวจากยุคแห่งการเดินทางที่ต่อยอดไปสู่การค้นพบดินแดนใหม่ๆ กลายมาเป็นมรดกทางประวัติศาสตร์ชิ้นสำคัญที่ถูกบอกเล่าผ่าน “อนุสาวรีย์แห่งการค้นพบ” ณ เมืองลิสบอน ประเทศโปรตุเกส เมืองท่าสำคัญที่เป็นประตูสู่มหาสมุทรแอตแลนติกมาช้านาน

 

พิกัดแห่งการค้นพบอนุสาวรีย์ มรดกที่โลกไม่เคยลืม

อนุสาวรีย์แห่งการค้นพบนี้เป็นอีกหนึ่งมรดกที่ยืนยันถึงยุครุ่งเรืองที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติโปรตุเกส เมื่อครั้งที่ยังเป็นมหาอำนาจทางทะเล มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า “Padrão dos Descobrimentos หรือ Monument to The Discoveries มีรูปปทรงเป็นแท่งคอนกรีตขนาดใหญ่ที่มีรูปลักษณ์คล้ายด้านหน้าของเรือสีขาว ตั้งตระหง่านโดดเด่นอยู่ริมแม่น้ำ Tagas บริเวณทางเข้าท่าเรือ เมืองลิสบอน (ภาษาโปรตุเกสจะออกเสียงว่าลิซบัว) เมืองหลวงของประเทศโปรตุเกส และมีสะพาน Ponte 25 de Abril หรือสะพาน 25 เมษาเป็นฉากหลังอยู่ไม่ไกล ดังเห็นในภาพถ่ายอยู่เสมอๆ และผู้ที่อยู่เบื้องหลังการก่อสร้างภูมิทัศน์แห่งความทรงจำนี้ คือ Cottinelli Telmo สถาปนิกชาวลิสบอน และ Leopoldo de Almeida ประติมากรชาวลิสบอนอีกเช่นกัน

อดีตบริเวณที่ตั้งอนุสาวรีย์แห่งนี้เป็นท่าเรือสำคัญ เป็นทั้งจุดเริ่มต้นการเดินทางสำรวจ และปลายทางที่พวกเขาใจจดใจจ่อเวลาหันหัวเรือกลับมายังมาตุภูมิอีกครั้ง น้อยคนที่จะทราบว่าอนุสาวรีย์แห่งการค้นพบนี้ถูกสร้างขึ้นมา 2 ครั้ง ด้วยกัน ครั้งแรกเป็นโครงสร้างที่ขึ้นมาชั่วคราว เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของงาน Portuguese World Exhibition ซึ่งจัดขึ้นในปี ค.ศ.1940 และเลือกใช้วัสดุโครงสร้างที่ไม่คงทนถาวรนัก รูปปั้นทำจากยิปซั่ม เสริมด้วยโครงสร้างไม้และเหล็ก

Exposição do Mundo Português, 1940 – Horácio Novais
Colec–o Estúdio Mário Novais e Horácio Novais ©Biblioteca de Arte – Funda–o Calouste Gulbenkian

Exposição do Mundo Português, 1940 – António Passaporte ©Arquivo Municipal de Lisboa

สำหรับปี ค.ศ.1960 ที่มีคนเอ่ยถึงกันบ่อยที่สุดนั้นเป็นปีที่ได้มีการสร้างขึ้นมาใหม่ เพื่อรำลึกถึงการสิ้นพระชนม์ครบ 500 ปี ของเจ้าชายเฮนรี นาวิกราช (Henry The Navigator หรือ Infante D. Henrique) ผู้เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหลักในการนำพาประเทศโปรตุเกสเป็นเจ้าแห่งมหาอำนาจทางเรือ และนักเดินเรือสำรวจรอบโลกคนสำคัญในหลากหลายอาชีพ โดยครั้งนี้ได้สร้างขึ้นอย่างแข็งแรงด้วยอิฐ และปิดด้วยกระเบื้องหินปูน สูง 56 ม. กว้าง 20 เมตร ยาว 46 ม.

Comemorações Henriquinas – 1960 Amadeu Ferrari ©Arquivo Municipal de Lisboa

Comemorações Henriquinas – 1960
Amadeu Ferrari ©Arquivo Municipal de Lisboa

และบริเวณลานด้านหน้าของอนุสาวรีย์มีแผนที่โลกหินอ่อนขนาดใหญ่ หรือ Compass Rose ที่บอกเล่าการเดินทาง และการค้นพบแผ่นดินทั่วโลกของโปรตุเกสตั้งแต่ศตวรรษที่ 15-16 ระบุปีการเดินทางไปถึงไว้อย่างชัดเจน มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางถึง 50 เมตร น่าเสียดายที่ในแผนที่นี้ไม่มีการเดินทางมายังสยาม หรือประเทศไทย เพียงล่องเรือผ่านช่องแคบมะละกาในปี 1509 เท่านั้น

Dream Team of Discoveries : วีรบุรษนักสำรวจเส้นทาง

นอกจากเป็นอนุสรณ์สถานที่แสดงถึงความรุ่งเรืองของโปรตุเกส และเชิดชูเกียรตินักเดินเรือรุ่นแรกๆของประเทศโปรตุเกสแล้ว อนุสาวรีย์แห่งการค้นพบนี้ยังชวนระลึกถึงความกล้าหาญ ความเสียสละ ความสามัคคีของทั้ง 33 ชีวิตที่ปรากฎอยู่บนอนุสรณ์สถานแห่งนี้ด้วย แต่ละคนเป็นผู้ที่มีความชำนาญในด้านต่างๆ ทั้งสายวิทย์และสายศิลป์ อาทิ มิชชันนารี, คนวาดแผนที่การเดินเรือ, นักวิทยาศาสตร์, พ่อค้า, นักรบ, นักบันทึกประวัติศาสตร์ เป็นต้น บางคนก็ได้ร่วมสำรวจเดินเรือไปพร้อมกับเจ้าชายเฮนรี บางคนก็สืบต่อจากภารกิจที่เจ้าชายเฮนรีได้ทรงบุกเบิกไว้

อินฟันเตเอนรีเก (หรือเจ้าชายเฮนรีราชนาวิก (Henrique o Navegador)

คนแรกที่ต้องกล่าวถึง…เจ้าชายเฮนรี (รูปปั้นที่ยืนอยู่หน้าสุดของหัวเรือ ในมือถือเรือคาราเวล) พระองค์มีความสนพระทัยในเรื่องการเดินเรือเป็นพิเศษ และเป็นองค์อุปถัมภ์การเดินเรือของโปรตุเกส และพยายามหานวัตกรรมใหม่ๆเพื่อให้เรือสามารถเดินทางได้เร็วกว่าเดิม ไกลกว่าเดิม และทนทานกว่าเดิม จนได้รับสมญานามว่าเจ้าชายเฮนรี นาวิกราช
หมายเหตุ : เรือคาราเวล เรือที่มีคุณสมบัติพิเศษ น้ำหนักเบา ใช้ฝีพายจำนวนน้อย

โกมึช แอเนส เดอ ซูรารา (Gomes Eanes de Zurara)

รูปปั้นฝั่งตะวันออก ในมือเขาถือปากกาขนนก และสมุดจด นักประวัติศาสตร์แห่งโปรตุเกสในยุคของการค้นพบ ที่โด่งดังต่อจาก Fernao Lopes เขาได้มีโอกาสร่วมเดินทางสำรวจไปพร้อมกับเจ้าชายเฮนรีด้วย

วัชกู ดา กามา (Vasco da Garma)

รูปปั้นฝั่งตะวันตก ในมือเขาถือดาบ นักเดินเรือและนักสำรวจชาวโปรตุเกส ที่ฝ่าพายุ โขดหิน และอ้อมผ่านแหลมกู๊ดโฮป (Cape of Good Hope) อันสุดสะพรึงมหาหิน ซึ่งอยู่ปลายทวีปแอฟริกาได้สำเร็จ มีเครดิตว่าสามารถเดินเรืออ้อมแหลมกู๊ดโฮป บริเวณใต้สุดของแอฟริกา เพื่อข้ามต่อไปยังอินเดียได้สำเร็จเป็นคนแรกในราวปี 1498 ทั้งนี้เขาสามารถเดินทางผ่านแหลมกู๊ดโฮปได้สำเร็จหลังจากที่เจ้าชายเฮนรีสิ้นพระชนม์แล้ว

ฟรันซิสโก คาเบียร์ (Francisco Xavier)

รูปปั้นฝั่งตะวันตก ประสานมือคล้ายกับท่าพนมมือ และสวมสร้อยที่มีจี้ไม้กางเขนและพระเยซู บาทหลวงโรมันคาทอลิกชาวสเปน ปีค.ศ.1540 บาทหลวงฟรันซิสโกเดินทางมาที่เมืองลิสบอน ประเทศโปรตุเกส เพื่อเริ่มชีวิตมิชชันนารี และเขายังเป็นผู้นำศาสนาคริสต์มาเผยแพร่ในแถบเอเชียเป็นคนแรกๆด้วย คนไทยรู้จักฟรันซิสโก ในชื่อว่าฟรังซิสเซเวียร์

ทำความรู้จักกับนักสำรวจคนอื่นๆต่อได้ที่ padraodosdescobrimentos.pt/en/monument-to-the-discoveries/the-sculpture-group/

นอกจากอนุสาวรีย์แห่งการค้นพบจะเป็นจุดแลนด์มาร์กที่เป็นมรดกทางประวัติศาสตร์อันสำคัญของเมืองลิสบอน ประเทศโปรตุเกสแล้ว ที่นี่ก็ยังมีอีกหลายมรดกตกทอดที่ควรไปลองและสัมผัสอีกหลายอย่าง เพราะโปรตุเกสเป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานมากว่า 800 ปีเชียวล่ะ อาทิ ชิมทาร์ตไข่สุดอร่อย ฝอยทองเจ้าตำรับ ชม Belém Tower, Portuguese late Gothic สถาปัตยกรรมมรดกโลก, นั่งรถรางเก่า Tram No.28 เป็นต้น


Sponsored by

THE MONUMENT SANAMPAO & THE MONUMENT THONGLO: The Monument to Generations

จากอนุสาวรีย์แห่งการค้นพบ หนึ่งในอนุสาวรีย์ที่เป็นมาสเตอร์พีช มรดกชิ้นสำคัญของโลก คงจะดีไม่น้อยหากเราได้มีมรดกทางที่อยู่อาศัยอันล้ำค่า กลายเป็น ‘มาสเตอร์พีชของครอบครัว’ ไปอีกแสนนาน จากรุ่นลูกสู่รุ่นหลาน และกลายเป็นเรื่องเล่าขานในครอบครัวอย่างไม่มีวันลืมเลือน

The Monument

คอนโด High Rise ระดับลักซ์ชัวรี่ใหม่ล่าสุดของแสนสิริ หรูหราอย่างมีเอกลักษณ์ กลายเป็นมาสเตอร์พีชของกรุงเทพฯ ที่หลายๆเลือกโดยไม่มีลังเลใจ THE MONUMENT SANAMPAO & THE MONUMENT THONGLO รังสรรค์ขึ้นจากคอนเซ็ปต์ มรดกเชิงรสนิยมที่สามารถส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น บนทำเลศักยภาพใกล้รถไฟฟ้า  BTS โซนสนามเป้า และโซนทองหล่อ พร้อมส่งต่อประสบการณ์ดีๆเพื่อเป็นมรดกที่อยู่อาศัยอันทรงคุณค่า ของชาวเมืองหลวงให้กับรุ่นลูกรุ่นหลานสืบต่อไป

จากทำเลที่ตั้งอันเป็นจุดศูนย์กลางที่ผสมผสานระหว่างความสุขสงบ ควบคู่ไปกับความร่มรื่นของธรรมชาติ แวดล้อมด้วยกลิ่นอายคลาสสิคในรูปแบบวัฒนธรรมดั้งเดิม ประกอบกับการออกแบบที่ตอบรับประโยชน์ใช้สอยอันทันสมัย ทุกตารางเมตรได้ถูกดีไซน์มาอย่างพิถีพิถัน ทุกอุปกรณ์อำนวยความสะดวกภายในห้องพักนั้นได้รับการคัดสรรอย่างเป็นพิเศษ เชื่อใจและมั่นใจได้ว่าคุณจะสามารถใช้ไลฟ์สไตล์ของคนเมืองได้อย่างครบทุกมิติ มีช่วงเวลาแห่งความทรงจำอันแสนพิเศษ พบทุกความต้องการได้จากมรดกเชิงรสนิยม ที่ ‘THE MONUMENT SANAMPAO & THE MONUMENT THONGLO

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมของทั้งสองโครงการได้ที่:

THE MONUMENT SANAMPAO

https://www.sansiri.com/condominium/the_monument/en/

THE MONUMENT THONGLO

https://www.sansiri.com/condominium/the-monument-thong-lo/en/

Magazine made for you.