the flying scotsman

The Flying Scotsman รถจักรไอน้ำขบวนประวัติศาสตร์ ออกเดินทางอีกครั้งจากลอนดอนสู่ยอร์ก

ควันสีขาวที่พวยพุ่งขึ้นจากปล่อง พร้อมกับเสียงหวูดที่ดังก้องไปทั่วชานชาลา เคยเป็นสัญญาณบอกเวลา เริ่มต้นการเดินทางไกลที่มีเสน่ห์เฉพาะตัว ในสมัยที่โลกยังไม่ถูกเชื่อมต่อให้ง่ายและใกล้กันโดยการบิน ที่คนทั่วไปยังไม่มีรถยนต์ส่วนตัวให้ขับเที่ยวได้อย่างสะดวกสบาย ในศตวรรษที่ 19 “รถไฟ” หรือ “รถจักรไอน้ำ” เคยเป็นพาหนะหลักทางบกเพียงอย่างเดียว ที่มีโครงข่ายเชื่อมประเทศต่อทวีปให้คนเราสามารถเดินทางท่องโลกสู่ดินแดนต่างๆ ได้ คนรุ่นใหม่ที่เกิดมาในยุครถไฟหัวกระสุนอาจไม่คุ้นเคยกับเสียง “ปู๊น ปู๊น ฉึกฉัก ฉึกฉัก” ของรถไฟโบราณ แต่ตอนนี้ที่อังกฤษได้มีการนำขบวนรถไฟที่เรียกได้ว่าเป็นตำนานบทสำคัญของวงการรถไฟ กลับมาให้คนยุคใหม่ได้สัมผัสประสบการณ์จากวันวานกันอีกครั้ง

เมื่อวันพฤหัสที่ 25 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา The Flying Scotsman รถจักรไอน้ำขบวนประวัติศาสตร์อันโด่งดังของอังกฤษได้กลับมาวิ่งอีกครั้ง หลังจากเคยเดินทางมาแล้วกว่า 2 ล้านไมล์และหยุดให้บริการไปตั้งแต่ค.ศ. 1963 โครงการชุบชีวิตตำนานครั้งนี้ใช้เวลากว่า 10 ปีและเงินทุนถึง 4.2 ล้านปอนด์ในการยกเครื่องใหม่ให้กลับมาทำงานได้สมบูรณ์อีกครั้ง พาผู้โดยสาร 297 คนซึ่งประกอบไปด้วยบุคคลสำคัญ ผู้ร่วมระดมทุนของโครงการ ผู้ชนะการแข่งขัน และสมาชิกสาธารณะที่ซื้อตั๋วรถไฟเข้ามา ออกเดินทางจากสถานี King’s Cross ที่ลอนดอน (สถานีเดียวกับที่มีชานชาลา 9 3/4 ของแฮรี่ พ็อตเตอร์) มุ่งหน้าสู่เมืองยอร์กซึ่งอยู่ห่างออกไปทางตอนเหนือราว 280 กิโลเมตร การเดินทางใช้เวลา 5 ชั่วโมง (ในขณะที่รถไฟสมัยใหม่ในยุคนี้ใช้เวลาเพียง 2 ชั่วโมง) ซึ่งตลอดเส้นทางมีผู้หลงใหลในเสน่ห์รถไฟโบราณที่ทราบข่าวมายืนขนาบรางรอชื่นชมกันนับพันๆ คนเลยทีเดียว

the flying scotsman ภาพโดย: Dan Kitwood/Getty Images

ภาพโดย: Dan Kitwood/Getty Images

tfs04 ภาพโดย: Justin Setterfield/Getty Images

The Flying Scotsman ถูกสร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ. 1923 ได้ชื่อนี้มาเนื่องจากเป็นรถไฟขบวนแรกที่วิ่งตรงระหว่างลอนดอนกับเอดินเบอระ เมืองหลวงของสก๊อตแลนด์ได้โดยไม่มีการหยุดพัก และยังถือเป็นรถจักรไอน้ำขบวนแรกในประวัติศาสตร์ ที่สามารถทำความเร็วได้ถึง 100 ไมล์ต่อชั่วโมง (160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) การเดินทางครั้งใหม่นี้มีจุดเริ่มต้นที่ลอนดอนและมีจุดหมายปลายทางที่ยอร์ก ซึ่งเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์รถไฟแห่งชาติ (National Railway Museum) เพื่อจัดแสดงในนิทรรศการ Flying Scotsman: Welcome Home ให้ผู้ที่ชื่นชอบรถไฟได้เข้าชมกัน ตั้งแต่วันที่ 25 กุมภาพันธ์ ถึง 6 มีนาคม 2016 นี้ โดยหลังจากนั้นรถจักรไอน้ำขบวนนี้จะออกเดินทางต่อไปทั่วประเทศอังกฤษเพื่อจัดแสดงตามเมืองต่างๆ

ภาพโดย: Dan Kitwood/Getty Images

the flying scotsman ภาพโดย: Paul Kingston/NNP

the flying scotsman ภาพโดย: Steve Parsons/PA

“Flying Scotsman ที่สถานี King’s Cross เมื่อเดือนสิงหาคม ค.ศ.1934” ภาพโดย: Hudson/Topical Press Agency/Getty Images

“Flying Scotsman ที่สถานี King’s Cross เมื่อเดือนมกราคม ค.ศ.1968” ภาพโดย: Evening Standard/Getty Images

ประเทศอังกฤษถือเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมรถไฟที่ก้าวหน้าที่สุดของโลกมาตั้งแต่อดีต นอกจาก Tube หรือรถไฟใต้ดินลอนดอนที่นักท่องเที่ยวคุ้นเคยกันดีจะเป็นระบบรถไฟใต้ดินที่เก่าแก่ที่สุดในโลกแล้ว อังกฤษยังเป็นประเทศแรกของโลกที่ผลิตรถจักรไอน้ำได้ มีระบบรางรถไฟก่อนใคร ไม่ว่าจะเส้นทางรถไฟสายแรกของโลก สถานีรถไฟที่เก่าแก่ที่สุดในโลก หรือรถไฟขบวนแรกของโลก ก็ล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นและตั้งอยู่ในสหราชอาณาจักร และยังปูรากฐานด้านการรถไฟไปสู่หลายประเทศทั่วโลก ระบบรถไฟในอินเดีย ฮ่องกง และ สิงคโปร์ ซึ่งเคยเป็นเมืองอาณานิคมของอังกฤษก็ล้วนแล้วแต่ได้รับอิทธิพลโดยตรงมาจนทำให้มีระบบรถไฟที่ก้าวหน้า แม้แต่จุดเริ่มต้นของกิจการรถไฟไทย ก็ได้รับแรงบันดาลใจโดยสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย ตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) จนกระทั่งถึงรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ประเทศไทยจึงได้มีเส้นทางรถไฟสายแรกขึ้นเมื่อพ.ศ. 2433 ซึ่งหากเทียบเวลาแล้วจะตรงกับค.ศ. 1890 ซึ่งเป็นปีที่ลอนดอนมีรถไฟใต้ดินให้บริการแก่สาธารณะแล้วเกือบ 30 ปี

สำหรับคนที่ชื่นชอบการเดินทางโดยรถไฟ ประเทศอังกฤษถือเป็นจุดหมายปลายทางที่ต้องมาเยือนให้ได้สักครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่อยากมีประสบการณ์โดยสารรถไฟสายประวัติศาสตร์เส้นทางต่างๆ รวมถึงนิทรรศการของรถจักรไอน้ำเจ้าตำนานอย่าง The Flying Scotsman ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ที่ยอร์ก และจะมีการจัดแสดงต่อเนื่องไปตามเมืองต่างๆ ทั่วอังกฤษในอนาคตอันใกล้นี้ ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์หลักของรถไฟ flyingscotsman.org.uk หรือจากเว็บไซต์ของพิพิธภัณฑ์รถไฟแห่งชาติที่ nrm.org.uk

Magazine made for you.