เรื่องเล่าจากคนพร้อมพงษ์

จากทุ่งบางกะปิ สู่ย่าน ‘พร้อมพงษ์’

ใครจะคิดว่าท้องนาเวิ้งว้างกว้างไกลสุดลูกหูลูกตาในสมัยก่อน วันหนึ่งจะกลายมาเป็นย่านที่ทันสมัยของกรุงเทพฯ ในเวลาไม่ถึงชั่วอายุคนด้วยซ้ำ มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นที่นี่มากมายในขณะที่หลายสิ่งหลายอย่างแทบจะไม่เปลี่ยนไปเลย หนึ่งเสน่ห์ของพร้อมพงษ์คือความหลากหลายของผู้คน ตั้งแต่วัยรุ่นที่ชอบแฮงค์เอาท์ สาวเปรี้ยวที่ชอบช้อปปิ้ง คนรุ่นเก่าที่ชอบความเงียบสงบ ไปจนถึงผู้คนต่างถิ่นหลายเชื้อชาติที่หลงรักย่านนี้ไม่แพ้คนไทย ทำให้พร้อมพงษ์มีความเป็น Neighbourhood ที่มีทั้งผู้คนที่ใช้ชีวิตอยู่อาศัย ไปพร้อมๆ กับการเป็นย่านศูนย์กลางธุรกิจการค้าที่ผสมกลมกลืนกันในชุมชนเดียว

พร้อมพงษ์

สำหรับบางคน พร้อมพงษ์ อาจหมายถึงสถานีรถไฟฟ้าหนึ่งที่นั่งผ่าน บางคนอาจนึกถึงห้างที่ชอบแวะมาช้อปช่วงสุดสัปดาห์ บางคนอาจจะนึกถึงย่านออฟฟิศที่ต้องมาทำงานทุกวัน แต่สำหรับบางคนที่นี่คือ “บ้าน” ที่อยู่มานานจนผูกพัน

Story of the Good Old Days

จากท้องนาโล่งกว้างที่ค่อยๆ เปลี่ยนตัวเองมาจนกลายเป็นศูนย์กลางความทันสมัยของประเทศ เรื่องราวที่เกิดขึ้นในย่านนี้นั้นเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์น่าสนใจ เราได้มีโอกาสไปนั่งคุยกับ คุณเดือนฉาย คอมันตร์ หนึ่งในสกุลบุนนาคที่ใช้ชีวิตอยู่ในย่านนี้มานานหลายทศวรรษ เล่าให้เราฟังว่าความทรงจำวันวานจนถึงวันนี้เปลี่ยนแปลงไปอย่างไร

“สมัยก่อนแถบนี้ทั้งหมดเขาจะเรียกว่าทุ่งบางกะปิ สมัยนั้นคนอยากมาอยู่แถวนี้เพราะอากาศดี ไม่แออัด อย่างบ้านที่เราอยู่ในซอยสุขุมวิท 24 เมื่อก่อนรอบๆ บ้านนี่เป็นทุ่งนาหมดเลย สามารถเดินตามคันนาไปถึงตลาดคลองเตยได้” แต่ละซอยยังไม่ได้ถูกระบุเป็นตัวเลขเหมือนในปัจจุบัน เมื่อก่อนนั้นชื่อซอยมักจะถูกตั้งตามชื่อเจ้าของที่แถบนี้ หรือชื่อคนที่มาอยู่แรกๆ มากกว่า นั่นจึงเป็นที่มาของชื่อซอยดั้งเดิมที่บางซอยก็ยังคงถูกใช้มาจนถึงปัจจุบัน “เดิมทีซอยสุขุมวิท 24 นี่ชื่อซอยเกษม เพราะเจ้าของที่แถบนี้เป็นแขกชื่อมิสเตอร์กาเซ็ม ก็เลยเรียกเป็นซอยเกษม” คุณเดือนฉายเล่าเพิ่มเติมถึงที่มาของชื่อซอยที่อยู่อาศัยตั้งแต่อดีตจนถึงทุกวันนี้

เมื่อครั้งยังเป็นทุ่งบางกะปิ ถนนสุขุมวิทฟากซอยฝั่งเลขคี่ก็จะสุดถึงแค่คลองแสนแสบ ยังไม่มีสะพานข้ามไป พอยุคหลังมีการตัดถนนเพชรบุรีตัดใหม่ให้ขนานกับถนนสุขุมวิทขึ้นมา ก็ถึงจะเริ่มมีสะพานข้ามคลอง และซอกซอยต่างๆ ก็เริ่มเชื่อมหากันมากขึ้น ซึ่งนี่เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ทุกวันนี้หลายย่านในแถบนี้มีถนนเชื่อมหากันได้หมด

ยังมีความลับในวันวานอีกมากมายที่คนรุ่นใหม่อาจจะไม่ค่อยรู้นักซึ่งคุณเดือนฉายนั่งเล่าถึงหลายสิ่งที่หายไปและหลายอย่างที่ยังคงอยู่ “ตรงสวนเบญฯ เมื่อก่อนนี้ก็เป็นที่ตั้งของกรมอุตุนิยมวิทยา ตรงข้ามก็เป็นโรงหนังเก่า แต่ก็ไม่นิยมเท่าโรงหนังศรีกรุง ตรงอโศก คนชอบไปดูตรงนั้นกันมากกว่า ซึ่งปัจจุบันก็ไม่มีอยู่แล้วทั้งคู่ เมื่อก่อนตรงแยกอโศกก็จะมีตลาดอโศกซึ่งเป็นตลาดใหญ่ คึกคัก คนนิยมมาก เดี๋ยวนี้ก็ไม่มีแล้ว ส่วนวัดในแถบนี้ก็จะมีวัดเดียวคือวัดธาตุทอง โรงเรียนดั้งเดิมของแถบนี้ก็จะมีโรงเรียนวัฒนาที่เดียว แต่สองที่นี้ปัจจุบันก็ยังอยู่”

หลังจากรำลึกความหลังให้เราได้เห็นภาพย่านพร้อมพงษ์ในวันวาน กับความทรงจำที่มีคุณค่ามากมาย เราเลยลองถามว่าสถานที่ไหนเป็นสถานที่โปรดมากที่สุดในย่านนี้ “คนสมัยก่อนก็มักจะชอบอะไรที่คุ้นเคย ชอบอะไรเดิมๆ อย่างร้านที่เปิดตั้งแต่ยุคนั้นจนมาถึงยุคนี้ที่เราคุ้นเคยก็จะเป็น ปทุมเค้ก เราก็จะคุ้นชินกับรสชาติเก่าๆ ที่เราชอบ” คุณเดือนฉายยังเสริมกับเราอีกว่าเป็นคนที่ชอบปลูกต้นไม้ ชอบความร่มเย็น ซึ่งย่านนี้ก็ยังคงมีความร่มรื่นแทรกตัวอยู่เยอะเหมือนกัน แต่ท้ายที่สุดแล้วคุณเดือนฉายบอกกับเราว่าสถานที่ที่โปรดปราณมากที่สุดในย่านนี้จริงๆ แล้วก็คือบ้านของตัวเองนั่นเอง

The Dynamic District

พร้อมพงษ์เป็นชุมชนที่มีความหลากหลายผสมผสานกันอยู่มากมายแต่ก็ลงตัว เริ่มตั้งแต่ผู้คนหลากเชื้อชาติที่อาศัยไปจนถึงทำงานในย่านนี้ซึ่งคนต่างชาติต่างก็มีส่วนสร้าง Sub Culture ในย่านนี้ขึ้นมาได้อย่างน่าสนใจทีเดียว คราวนี้เราลองไปพูดคุยกับคนรุ่นใหม่กันบ้างซึ่ง แอร์-สริตา อุรุพงศา นักเขียนอิสระ แคร์-สราลี อุรุพงศา Digital Editor ของ The Hollywood Reporter Thailand สองสาวฝาแฝดที่ผูกพันกับพร้อมพงษ์มาตั้งแต่เล็กจนโต แอร์กับเพื่อนยังร่วมกันก่อตั้งคลับสร้างสรรค์กิจกรรม Workshop เก๋ๆ ที่หลายคนรู้จักกันดี Sugar & Spice Club โดยเริ่มต้นไอเดียจากการอยากให้คนที่อาศัยอยู่ในย่านนี้ได้มีกิจกรรมดีๆ ทำยามว่างรวมไปถึงสร้างสังคมเล็กๆ ในชุมชนของคนที่ชอบอะไรเหมือนๆ กัน

“เราสองคนอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เด็กจนโต บ้านเราก็อยู่ในซอยสุขุมวิท 26 เรียนก็ที่สายน้ำผึ้ง ก็จะคุ้นเคยกับย่านนี้มาตลอดค่ะ ใช้ชีวิตอยู่กับมันค่อนข้างเยอะ เราว่าเสน่ห์จริงๆ ของย่านนี้เป็นย่านที่ไม่ค่อยเปลี่ยนนะ บรรยากาศโดยรวมมันยังมีเอกลักษณ์เดิมอยู่เยอะ อีกอย่างก็คือต้นไม้เยอะมาก แม้จะมีตึกใหญ่เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ แต่ก็ยังร่มรื่นอยู่ดี ซึ่งข้อดีคือมันทำให้ไม่ร้อนมาก” แอร์เล่าให้เราฟังเมื่อเราชวนให้เขาเล่าถึงเสน่ห์ของย่านนี้ในมุมมองของเขา พร้อมเล่าต่อว่า “ที่ชอบอีกอย่างก็คือสวนเบญฯ เป็นสวนสาธารณะในเมืองที่ออกแบบดี เข้าถึงง่าย คนแถวนี้ก็ใช้กันจริงๆ เห็นสวนเล็กๆ แต่ด้านในมีครบมาก มีสระว่ายน้ำ สนามแบดมินตัน มีลานเล่นพวกกีฬา Extreme ซึ่งที่สวนเบญฯ นี่ถือเป็นสวนสาธารณะแรกๆ ในเมืองไทยเลยมั้งที่มีลานเล่นเสก็ตบอร์ดอย่างเป็นจริงเป็นจังอยู่ แล้วคนก็มาเล่นกันเยอะด้วย”

เราถามแคร์ในคำถามเดียวกันกับแอร์บ้าง “เสน่ห์ของย่านนี้อีกอย่างก็คือตรอกซอกซอยที่ทะลุหากันได้หมด บางทีถนนก็ไม่ทะลุกันหรอก แต่คนแถวนี้ก็จะรู้ว่าลัดเลาะเข้าตรอกซอกซอยตรงไหน เข้าตึกไหนสามารถเดินทะลุไปอีกซอยนึงได้ อะไรประมาณนั้น มันดูเป็นย่านที่เชื่อมถึงกันหมด ที่ชอบอีกอย่างคือถนนบางเส้นก็ร่มรื่นมาก ยังมีถนนที่มีต้นไม้ใหญ่ใบปกคลุมทับกันจนเหมือนเป็นอุโมงค์ต้นไม้ได้เลย”

ด้วยความที่เป็นย่านแห่งความหลากหลายและมีสิ่งน่าสนใจที่แตกต่างกันซ่อนอยู่ในย่านนี้มากมาย เราเลยให้ทั้งคู่ลองแนะนำถึงสถานที่โปรดของแต่ละคน … เอาเป็นว่าเริ่มต้นด้วยร้านอร่อยประจำย่านที่ทั้งคู่แนะนำกันก่อนดีกว่า “มีเยอะมาก (หัวเราะ) เอาร้านนี้ก่อนดีกว่า SUSTAINA Organic Restaurant ร้านนี้เจ้าของเป็นคนญี่ปุ่น อร่อยทุกเมนูเลย เป็นอาหารออร์แกนิกด้วย เข้าไปนี่ไม่เคยเจอคนไทยเลย อีกที่ที่ชอบกันมากก็คือตรงปากซอยสุขุมวิท 26 ดูเผินๆ อาจจะดูไม่เวิร์ค แต่หลายร้านอร่อยมาก อย่างร้านอาหารญี่ปุ่นตรงโซนนั้นมีความเป็นญี่ปุ่นแท้ๆ มาก ชื่อร้านก็เป็นภาษาญี่ปุ่น เข้าไปก็มีแต่คนญี่ปุ่น ร้านห้องแถวธรรมดา ไม่ได้สวยเก๋อะไร แต่อาหารอร่อยมาก หรือข้าวมันไก่ใต้รถไฟฟ้าพร้อมพงษ์นี่ก็เด็ด ไก่ทอดหน้า UOB นี่ก็อร่อยมาก” แอร์แชร์ความอร่อย ก่อนที่จะตามมาด้วยแคร์บ้าง “มีร้านนึงชอบมาก แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว เป็นร้านเก็กฮวยริมทาง ที่ชอบเพราะเป็นเก็กฮวยวุ้น หากินที่ไหนก็ไม่เหมือนที่นี่ เสียดายที่ปิดไปแล้ว อีกร้านที่ชอบมากเลยคือ Don Don แถวสถานีรถไฟฟ้าพร้อมพงษ์ เส้นอร่อยมากทุกเมนู ต้องลองชิม เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นที่อยู่ย่านนี้มานานมาก อีกร้านรุ่งเรืองก๋วยเตี๋ยวหมู ปากซอยสุขุมวิท 26 ร้านนี้ก็เส้นอร่อย เจ้าเก่าแก่อยู่มานานมากเหมือนกัน”

เราถามถึงสถานที่โปรดหรือแหล่งหาแรงบันดาลใจในแบบอื่นๆ กันบ้าง แคร์แชร์กับเราว่า “เมื่อก่อนชอบไป TCDC แต่เดี๋ยวนี้ปิดไปแล้ว มีอีกร้านที่ชอบเพราะคอนเซ็ปต์ดีก็คือ Rikyu by Boy Tokyo จริงๆ ร้านนี้เป็นร้านตัดผมเก๋ๆ ของคนญี่ปุ่น แต่ด้านบนเปิดเป็น Art Space เล็กๆ ให้แสดงนิทรรศการศิลปะด้วย ไม่ตัดผมก็ขึ้นไปดูได้” แอร์เล่าต่อบ้าง “ข้อดีของย่านนี้คือมีร้านหนังสือดีๆ เยอะ ถ้าอยากได้หนังสือใหม่ๆ ก็จะไป Kinokuniya แต่แถวนี้ร้านหนังสือมือสองดีๆ เยอะมากโดยเฉพาะหนังสือจากญี่ปุ่น มีอยู่ร้านนึงไม่มีชื่อร้าน ไม่ไกลจากรถไฟฟ้ามาก ชอบไปดูร้านนี้เพราะมีหนังสือดีๆ หลุดมาเพียบ เราก็จะได้แรงบันดาลใจจากร้านนี้เยอะ”

วัฒนธรรมย่อยๆ ที่หลากหลาย บางครั้งก็ถือเป็นเสน่ห์ได้เหมือนกัน นั่นเป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ของพร้อมพงษ์ที่มีความเฉพาะตัวและทำให้ใครๆ ก็ชอบย่านนี้ไม่แพ้คนที่อยู่ในย่านจนผูกพัน

Comfort Zone

นอกจากจะใช้ชีวิตอยู่ในย่านนี้ตั้งแต่เด็กจนโตแล้ว เขาก็ยังทำธุรกิจที่เกี่ยวกับอาหารและเครื่องดื่มในย่านนี้จนประสบความสำเร็จ ส่วนหนึ่งที่ทำให้ ROAST กลายเป็นร้านอาหารชื่อดังที่ทุกคนรู้จักในวันนี้ก็คือการเข้าใจลักษณะของย่าน เข้าใจผู้คนในย่าน เพื่อดึงเอกลักษณ์ของย่านนี้มาทำให้ตัวตนของร้านชัดเจนมากขึ้น เต้-วรัตต์ วิจิตรวาทการ เล่าว่าเขาเริ่มต้นมันจากการเป็นร้านเล็กๆ ที่ทำด้วยใจจนกลายเป็นร้านที่ใหญ่ขึ้นแต่ไม่ทิ้งการใส่ใจรายละเอียด และสิ่งสำคัญที่ทำให้ร้านประสบความสำเร็จก็คือเอกลักษณ์ของย่านพร้อมพงษ์นี่ล่ะ

“ก็คงเริ่มตั้งแต่สมัยคุณปู่ (หลวงวิจิตรวาทการ (วิจิตร วิจิตรวาทการ)) มาซื้อที่อยู่ในซอยนี้ สมัยนั้นคุณย่าเล่าให้ฟังว่าแถบนี้ยังเป็นทุ่งนาอยู่เลยครับ ใครอยากได้ที่ดินตรงไหนก็เอาป้ายมาปักจับจองเอา ตัวผมก็โตมาในย่านนี้อยู่แล้ว วิ่งเล่นมาตั้งแต่เด็กๆ แต่มาเริ่มชอบย่านนี้จริงๆ ก็ตอนที่เริ่มทำร้านอาหารร้านแรก ตอนนั้นเราอยากทำ Neighbourhood Café ที่เน้นอาหารโฮมเมด ทำเพื่อให้คนที่อาศัยอยู่ย่านนี้อยากมาฝากท้องประจำ แล้วเน้นคุณภาพของวัตถุดิบ การทำสดใหม่ ราคาก็จะสูงนิดนึง ก็เลยต้องดูว่า location ไหนจะเหมาะที่จะขายอะไรแบบนี้ ตอนนั้นก็ไปดูหลายที่ครับ แต่พอมานั่งดูซอยที่เราอยู่อย่างซอยสุขุมวิท 24 นี่มันมีคนเดินไปมาตลอดเวลา ฝรั่งก็มี ญี่ปุ่นก็เยอะ คนไทยก็พอสมควร มีความหลากหลายเยอะ ลักษณะผู้คนย่านนี้น่าจะเข้าใจร้านเราได้มากกว่า แล้วก็มีกำลังซื้อ สุดท้ายก็เลยเลือกซอยนี้นี่แหละ เรารู้จักคุ้นเคยดีอยู่แล้ว ก็ได้ที่ตรงโรงรถบ้านคุณป้า ไปลองนั่งดูคนไปมาแล้วชอบ ก็เลยขอคุณป้าทำร้านตรงนั้นเลย”

ร้านแรกที่เขาเปิดมีชื่อว่า Ohana Fresh Café เริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 2008 ด้วยการเป็นร้านเล็กๆ ดูอบอุ่นที่มีที่นั่งแค่ 12 ที่ จนทำให้ร้านกลายเป็นขวัญใจของคนย่านนี้ตลอดจนมีชื่อเสียงในวงกว้างมากขึ้น ก่อนที่จะทำให้ต้องขยับขยายร้านเป็น 30 ที่แล้วก็ปิดตัวไป “พอมันเริ่มประสบความสำเร็จมากๆ ทีนี้เราก็อยากจะก้าวต่อไป ก็ขยับไปอยู่ย่านทองหล่อ ตอนนั้นก็เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น ROAST แต่เอาเข้าจริงลักษณะของย่านทองหล่อก็ยังไม่ใช่แบบที่เราคิดไว้สักเท่าไร ก็เกือบไปไม่รอด แล้วพอ ดิ เอ็มควอเทียร์ เปิด เราก็ได้กลับมายังย่านเก่าที่เราคุ้นเคยอีกครั้ง กลับมาครั้งนี้รู้สึกว่าย่านพร้อมพงษ์พร้อมมากสำหรับ concept ร้านเราที่เป็น Comfort Food แบบโฮมเมดมีความเฉพาะตัวซึ่งนั่นเป็นตัวตนของเรามาตลอด”

เต้แอบเล่าให้เราฟังเพิ่มถึงมรดกชิ้นสำคัญที่ส่งผ่านจากเมนูสู่เมนูมาจนถึงทุกวันนี้ “เมนูที่ส่งต่อจาก Ohana Fresh Café มาถึง ROAST ก็จะมีอยู่ 2 เมนู ที่เหมือนเป็น Signatrue ของร้านกลายๆ ลูกเค้าเก่าๆ ก็จะรู้กันดี นั่นคือ Strawberry Waffle ความจริงไม่มีอะไรมากครับ มันเป็นเมนูที่ทำง่าย อร่อย และคนชอบทาน เมนูนี้มีตั้งแต่ตอนเปิดร้านเลยครับ ก่อนเปิดร้านไม่นานได้ไปเยี่ยมครอบครัวฝรั่งเศสที่เป็นเพื่อนกับครอบครัวเรา เขาทำให้กินแล้วประทับใจ ก็เลยให้คุณแม่ขอสูตรแล้วเอามาปรับนิดหน่อย อีกเมนูก็คือ Ice Espresso Latte ซึ่งเราได้ไอเดียจากการที่น้ำแข็งในกาแฟมันละลายจนทำให้กาแฟจืด ตอนนั้นก็เลยคิดกลับกันว่าลองทำน้ำแข็งเป็นกาแฟดูมั้ย เวลาละลายมันยังเข้มข้นอยู่ ปรากฏลูกค้าชอบมาก สมัยนั้นยังไม่ค่อยมีร้านไหนทำแบบนี้เลย”

New Hometown

ย่านพร้อมพงษ์ไม่ใช่ย่านที่คนไทยจะชอบเท่านั้น แต่เป็นย่านที่คนต่างชาติชื่นชอบไม่แพ้กัน นอกจากความทันสมัยไปจนถึงความครบครันที่เป็นจุดดึงดูดให้ชาวต่างชาติชอบมาอาศัยอยู่ในบริเวณนี้แล้ว ความสงบร่มรื่นๆ ความเป็นระเบียบเรียบร้อยของชุมชน หรือแม้กระทั่งความผสมผสานกันของความแตกต่างหลากหลายที่ลงตัวก็ทำให้ชาวต่างชาติหลงใหลเช่นกัน Vittorio Badini Confalonieri ผู้กำกับภาพยนตร์โฆษณา ชาวอิตาเลียนที่เพิ่งย้ายมาทำงานเมืองไทยยังไม่ถึงปี และเลือกที่จะอาศัยอยู่ย่านพร้อมพงษ์

เขาแชร์ให้เราฟังถึงสาเหตุที่เลือกย่านนี้ว่า “ผมว่ามันเป็นจุดศูนย์กลางเมือง เดิน ทางสะดวกสบาย ไปไหนมาไหนได้ไม่ยาก มีโรงเรียน มหาวิทยาลัย ออฟฟิศต่างๆ แหล่งช้อปปิ้ง หรือแม้แต่ร้านอาหารอร่อยๆ ก็เต็มไปหมด เสน่ห์ของย่านนี้คือเป็นส่วนผสมกันของหลายอย่างตั้งแต่ Hi-End ไปจนถึง Local มีห้างหรู แต่ก็มีร้านค้าข้างทางถูกๆ แต่ทุกสิ่งกลับอยู่ร่วมกันได้อย่างลงตัว” ด้วยความที่ทำงานสายการสร้างสรรค์เขาบอกกับเราว่าย่านพร้อมพงษ์มีความหลากหลายแต่ก็มีความเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร นั่นเป็นวัตถุดิบชิ้นดีที่จะทำให้เราได้แรงบันดาลใจหลายๆ อย่างตั้งแต่การใช้ชีวิตไปจนถึงการทำงาน

“ผมชอบสวนสาธารณะนะ ชอบสวนเบญฯ ชอบพาลูกไปเดินเล่น เด็กๆ ก็สนุกเวลาไปเดินเล่นที่สวน เราก็ได้พักผ่อนด้วย สูดอากาศบริสุทธิ์ แล้วที่ผมชอบอีกอย่างก็คืออาหารไทย ถึงแม้จะมีร้านอาหารนานาชาติมากมาย แต่ผมว่าชาวต่างชาติส่วนใหญ่ชอบอาหารไทย โดยเฉพาะ Street Food ซึ่งที่พร้อมพงษ์มีทุกรูปแบบ แล้วก็อร่อยด้วย” ชีวิตที่หลากหลายรูปแบบกลายเป็นเสน่ห์ที่เขาหลงรักที่นี่ และเริ่มสนุกกับการใช้ชีวิตในย่านนี้และกำลังเริ่มสร้างความคุ้นเคยเปลี่ยนสถานะจากผู้มาเยือนกลายเป็นผู้อยู่อาศัยที่จะมีความสุขไม่แพ้บ้านเดิมของตัวเอง

Just Like Home

หลายคนรู้ดีว่าหนึ่งในชนชาติที่อาศัยอยู่ในย่านพร้อมพงษ์มากที่สุดก็คือชาวญี่ปุ่น ทำให้สิ่งแวดล้อมที่รายรอบย่านนี้มีความเป็นชุมชนญี่ปุ่นที่มีเสน่ห์แตกต่างจากย่านอื่น “ฉันอยู่ย่านนี้มา 5 ปี แล้วค่ะ มีเพื่อนชาวญี่ปุ่นชวนมาอยู่ ฉันชอบย่านนี้เพราะเป็นย่านที่สะดวกสบายมาก แล้วก็มีความเป็นชุมชนญี่ปุ่นสูง มีร้านญี่ปุ่นมากมาย มีคนญี่ปุ่นอยู่เยอะ จนทำให้ฉันใช้ชีวิตได้คุ้นเคยไม่ต่างกับอยู่ที่ญี่ปุ่นเลย” หนึ่งเสียงสะท้อนจากชาวญี่ปุ่นอย่าง Koko Matsura นักแปลภาษาญี่ปุ่น-อังกฤษ ที่ตัดสินใจเลือกมาทำงานที่เมืองไทยเพราะหลงรักเสน่ห์ของบ้านเรา

เราถามถึงไลฟ์สไตล์ของเธอกับการใช้ชีวิตแบบคนญี่ปุ่นในย่านพร้อมพงษ์ดูบ้าง “ฉันเป็นคนชอบออกกำลังกาย ก็จะไปวิ่งที่สวนเบญฯ ฉันว่าที่นี่เป็นสวนเล็กๆ แต่เหมาะกับการวิ่งมาก อีกที่ที่คนญี่ปุ่นชอบไปช้อปปิ้งก็คือ Fuji Supermarket สาขาพร้อมพงษ์ เหมือนซุปเปอร์มาร์เก็ตที่ญี่ปุ่นเลย แล้วก็มีของญี่ปุ่นที่คนญี่ปุ่นคุ้นเคยขายแทบทุกอย่าง เข้าไปแล้วรู้สึกคุ้นเคย” เห็นสาวๆ ญี่ปุ่นชอบนั่งคาเฟ่หรือหาร้านอร่อยกินกันประจำ เราเลยลองถามเธอว่าเธอชอบที่ไหนในย่านนี้ “ฉันชอบไป Casa Lapin ค่ะ เป็นร้านที่ตกแต่งสวยมีสไตล์ ร่มรื่น ไปนั่งทำงานก็ได้ ชอบสั่ง Cappuccino ที่นี่ อร่อยมาก เป็นเมนูโปรดเลย ส่วนร้านอาหารฉันขอแนะนำร้านอาหารญี่ปุ่นแล้วกัน ในย่านนี้มีร้านอาหารญี่ปุ่นเยอะมากๆ แต่ถ้าอยากจะลองชิมอาหารญี่ปุ่นแบบ Home-style ในตำรับดั้งเดิมแท้ๆ ฉันขอแนะนำให้ไปร้าน Kitchen Niigata เลยค่ะ เป็นรสชาติแบบญี่ปุ่นที่ใส่ใจมากๆ อร่อยแบบตำหรับญี่ปุ่นเลย”


Casa Lapin X26 อยู่ในโครงการ Oneday

ผู้คน ร้านค้า สารพัดสิ่งของ ตลอดจนอาหารการกิน เป็นวัฒนธรรมย่อยของญี่ปุ่นที่โดดเด่นแต่ก็กลมกลืนจนเป็นเนื้อเดียวกับย่านพร้อมพงษ์ นั่นน่าจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้คนญี่ปุ่นเลือกมาใช้ชีวิตเสมือนบ้านหลังที่สองอยู่ในย่านนี้ เสน่ห์แบบญี่ปุ่นๆ จึงกลายเป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ที่ทำให้ย่านพร้อมพงษ์มีความน่าอยู่น่ามาเยือนไม่เหมือนใคร


Photography by Sharp Jaruwat P


Sponsored by

เพราะเป็นย่านที่มีเสน่ห์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน แถมยังเป็นย่านที่มีความ “พร้อม” ในทุกๆ ด้านอยู่เสมอ พร้อมพงษ์จึงถือเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยที่พร้อมสำหรับวิถีชีวิตมีระดับมากที่สุดของกรุงเทพฯ แล้วการที่มีเสน่ห์หลายอย่างที่รวมกันอยู่อย่างลงตัวก็ยิ่งทำให้ทุกคนหลงรักย่านนี้ และกลายเป็นคนในชุมชนที่พร้อมจะทำให้ย่านนี้มีเสน่ห์ไปด้วยเช่นกัน

หนึ่งในที่อยู่อาศัยโครงการใหม่ที่จะเกิดขึ้นในย่านพร้อมพงษ์นี้ก็คือ Noble Around Sukhumvit 33 ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในการออกแบบที่ผสานชีวิตเมืองและธรรมชาติได้อย่างลงตัว

เปิดให้เข้าชมห้องตัวอย่าง และลงทะเบียนรับสิทธิ์จองได้ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 3 สิงหาคม 2560 และเปิดจองวันที่ 6 สิงหาคม ณ โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ (The Okura Prestige Bangkok) ติด BTS เพลินจิต สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ โทร.02-251-9955 หรือ www.noblehome.com

นักเดินทางที่เป็นทั้งนักเขียนและช่างภาพในตัว เขียนงานให้กับสื่อต่างๆ ในเมืองไทยมากมายตั้งแต่สารคดีหนักๆ, บทสัมภาษณ์, ไปจนถึงเรื่องดีไซน์และแฟชั่น แต่ผลงานที่โดดเด่นเห็นจะเป็นบทความด้าน Food & Travel ที่เขียนถึงทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่เขาหลงรักอย่างญี่ปุ่น

Magazine made for you.