NMAAHC พิพิธภัณฑ์แห่งชาติที่เล่าขานประวัติศาสตร์อเมริกันชนผิวสี

WASHINGTON, D.C. – ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนก่อนเริ่มบทบาทด้วยการสร้างความหวังเรื่องสิทธิและความเท่าเทียมกันของมนุษย์ ในขณะที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่กลับเริ่มบทบาทด้วยการสร้างรอยร้าวให้คนในชาติด้วยนโยบายแบ่งแยก ที่ดูจะเป็นการนำประเทศถอยหลังกลับไปยุคเหยียดเชื้อชาติสีผิวอีกครั้ง

หลายสัปดาห์ที่ผ่านมา พื้นที่บริเวณ National Mall ลานสัญลักษณ์แห่งเสรีภาพอันเป็นที่ตั้งของอาคารรัฐสภาและทำเนียบขาวใจกลางกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. กำลังร้อนระอุจากช่วงเปลี่ยนผ่านขั้วอำนาจของผู้นำ แต่ในขณะเดียวกันมีการส่งสัญญาณเรียกร้องความเสมอภาคผ่านพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ของชนผิวสีที่ตอบโต้การคุกคามสิทธิมนุษยชนที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ด้วยเช่นกัน

พิพิธภัณฑ์แห่งชาติทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกัน หรือ The National Museum of African American History and Culture (NMAAHC) เป็นพิพิธภัณฑ์ในกำกับของสถาบันสมิธโซเนียน (Smithsonian Institution) อันโด่งดัง แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ใช้เวลาถึงกว่า 13 ปี อย่างทุลักทุเลกว่าพิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะเป็นรูปเป็นร่างสมบูรณ์ขึ้นมาได้ ซึ่งเหตุของความล่าช้าอาจเป็นผลมาจากขั้วการเมืองรวมไปถึงแรงยื้อจากกลุ่มอนุรักษ์นิยม

พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เริ่มก่อตั้งอย่างเป็นทางการเมื่อปี ค.ศ.2003 แต่เพิ่งเสร็จสมบูรณ์และเปิดให้เข้าชมอย่างเป็นทางการในวันที่ 24 กันยายน 2016 ที่ผ่านมานี้เอง ตัวพิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่ไม่ห่างจากอนุสาวรีย์วอชิงตัน ในบริเวณลานประวัติศาสตร์ National Mall สัญลักษณ์สำคัญประจำกรุงวอชิงตัน ดีซี และคนที่มาเป็นประธานในวันเปิดตัวพิพิธภัณฑ์แห่งชาติพันธุ์ผิวสีนี้ก็คงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากบารัค โอบามาประธานาธิบดีผิวสีคนแรกของอเมริกานั่นเอง

“The African American experience is the lens through which we understand what it is to be an American.”
– Lonnie G. Bunch III / Founding Director, NMAAHC –

การเปิดหน้าประวัติศาสตร์อีกด้านของอเมริกาผ่านมุมมองและเรื่องราวของคนผิวสีในครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย การเริ่มต้นจากศูนย์นั้นทำให้พิพิธภัณฑ์นี้ปราศจากของสะสมทางประวัติศาสตร์ใดๆ ทั้งสิ้น เส้นทางความสำเร็จของ NMAAHC เริ่มต้นจากการจัด antiques roadshow เดินสายรับบริจาคของเก่าใน 15 เมืองของอเมริกา กิจกรรมนี้เองเป็นตัวกระตุ้นให้ชาวอเมริกัน (โดยเฉพาะชนผิวสี) นำมรดกตกทอดจากบรรพบุรุษของตนตลอดจนสิ่งต่างๆ ที่สามารถบอกเล่าประวัติศาสตร์ชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันออกมาบริจาคถึงกว่า 40,000 ชิ้น ซึ่งทางพิพิธภัณฑ์ได้คัดเลือกเอาสิ่งของกว่า 3,500 ชิ้น มาเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างเรื่องราวส่วนต่างๆ จนปะติดปะต่อเกิดเป็นพิพิธภัณฑ์ที่สมบูรณ์ขึ้น และคาดว่าจะหมุนเวียนสิ่งของชิ้นอื่นๆ มาจัดนิทรรศการให้ชมกันต่อไป

การเดินชมพิพิธภัณฑ์นั้นเริ่มต้นจากชั้นใต้ดินที่ลึกลงไปกว่า 70 ฟุต เดินเรื่อยขึ้นไปจนถึงชั้นบนสุด เนื้อหาไล่เรียงตั้งแต่ยุคแห่งการค้าทาสข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก (transatlantic slave trade) เล่าประวัติศาสตร์การค้าทาสจากแอฟริกาสู่อเมริกาตั้งแต่ยุคศตวรรษที่ 15 จนถึงศตวรรษที่ 19, การเหยียดสีผิว, การเรียกร้องสิทธิมนุษยชน, ไปจนถึงการถือกำเนิดดนตรี Hip Hop ขึ้นที่ย่าน Bronx ในนิวยอร์ก และที่พีคสุดๆ เห็นจะเป็นห้องนิทรรศการชั้นบนสุดที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับ African-American Achievements เป็นเสมือนดั่ง Hall of Fame สดุดีให้กับชนผิวสีชาวอเมริกันที่ประสบความสำเร็จและสร้างชื่อเสียง สร้างคุณค่าให้กับโลกใบนี้ ตั้งแต่แวดวงดนตรี, แวดวงศิลปะ, วงการกีฬา, วงการบันเทิง, วงการทหาร, ไปจนถึงวงการการเมือง

ทางด้านสถาปัตยกรรมก็ดูโดดเด่นน่าสนใจไม่แพ้เนื้อหานิทรรศการภายใน สถาปัตยกรรมชิ้นเอกนี้ออกแบบโดย David Adjaye สถาปนิกชาวแทนซาเนียสัญชาติอังกฤษ ได้แรงบันดาลใจมาจากมงกุฏของชาติพันธุ์โยรุบัน (Yoruban) ในแอฟริกา ที่เป็นเหมือนฐานปิรามิดกลับหัวซ้อนกันอยู่เป็นทรงสูงขึ้นไป ผิวผนังอาคารด้านนอกหากดูใกล้ๆ มันคือแผงอลูมิเนียมเคลือบสีทองแดงฉลุลายที่เรียงต่อกันถึง 3,600 แผ่น การฉลุลายรูปสามเหลี่ยมเป็นแพทเทิร์นนั้นยังได้แรงบันดาลใจมาจากศิลปะการแกะสลักของ Olowe of Ise ศิลปินชาวโยรุบันแถมสามเหลี่ยมนั้นยังสื่อถึงสัญลักษณ์ของการพนมมือสวดขอพรจากพระเจ้าในเรื่องความศรัทธา ความหวัง แถมสีทองแดงนั้นยังสื่อถึงเหล็กซึ่งสะท้อนไปถึงยุคอุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนโดยแรงงานทาสด้วย

อันที่จริงความฮือฮาของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ยังไม่ทันเปิดตัว กระแสของอีเวนท์ฉาย Projection Mapping ลงบนพื้นผิว (façade) อาคารในยามค่ำคืนดูจะกระตุกความสนใจได้อย่างดีเชียวล่ะ ภาพแนวสร้างสรรค์ที่ฉายลงไปนั้นเป็นภาพบุคคลสำคัญของอเมริกาที่มีเชื้อสาย African American ตลอดจนเหตุการณ์สำคัญที่มีบทบาทต่อประวัติศาสตร์โลกในด้านต่างๆ ถือเป็นการโฆษณาที่มีศิลปะและประสบความสำเร็จมากทีเดียว

© DMDS7UDIO

นิทรรศการทั้งหมดนี้ออกแบบโดย Ralph Appelbaum Associates (RAA) บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบนิทรรศการในพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงและใหญ่ที่สุดในโลกขณะนี้ หลังจากที่เปิดตัวไปในช่วงปลายปี 2016 แล้วสื่อยักษ์ใหญ่หลายสื่อถึงกับออกปากชมสถานที่ประวัติศาสตร์แห่งนี้กันไม่ขาดสาย รวมไปถึง New York Times ที่จัดให้ที่นี่เป็น Cultural Event of the Year ของปี 2016 และ Wall Street Journal ก็ยกย่องว่านี่คือ Best Architecture of 2016 เลยทีเดียว

[su_tabs][su_tab title=”Details”]
Opening Hours: เปิดทุกวัน 10.00-17.30 น. (ปิดทุกวันที่ 25 ธันวาคม)

Admission: ฟรี

Location:
The National Museum of African American History and Culture
1400 Constitution Avenue,
NW, Washington, D.C.
nmaahc.si.edu
[su_gmap width=”1600″ address=”The National Museum of African American History and Culture “][/su_gmap]
[/su_tab] [/su_tabs]


Images © Smithsonian Institution, National Museum of African American History and Culture Architectural Photography

นักเดินทางที่เป็นทั้งนักเขียนและช่างภาพในตัว เขียนงานให้กับสื่อต่างๆ ในเมืองไทยมากมายตั้งแต่สารคดีหนักๆ, บทสัมภาษณ์, ไปจนถึงเรื่องดีไซน์และแฟชั่น แต่ผลงานที่โดดเด่นเห็นจะเป็นบทความด้าน Food & Travel ที่เขียนถึงทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่เขาหลงรักอย่างญี่ปุ่น

Magazine made for you.