Sketch afternoon tea

LONDON: เที่ยวอังกฤษจิบชาแบบผู้ดีที่ tea room สุดคลาสสิคในลอนดอน

หนึ่งในความสนุกของการเดินทาง คือการได้เรียนรู้วัฒนธรรมผ่าน “อาหารการกิน” ของแต่ละดินแดน ได้สัมผัสรสชาติท้องถิ่น ผ่านประสบการณ์ของตัวเอง เพราะคงเรียกไม่ได้ว่าเราไปถึงเยอรมันแล้ว หากไม่ได้ทาน wurst กับ sauerkraut เรียกไม่ได้ว่าไปถึงเบลเยียม หากไม่ได้ดื่ม Belgian beer หรือทาน Belgian fries (ที่คนส่วนใหญ่เข้าใจผิดเรียกว่า French fries เพราะคิดว่าเป็นของฝรั่งเศส หรือ อเมริกา ทั้งที่แท้จริงแล้วมีต้นกำเนิดในเบลเยียม) และคงเรียกไม่ได้ว่าไปถึงอังกฤษ หากไม่ได้ลองจิบชา ทาน scone ใน tea room แบบดั้งเดิม

ถึงแม้ว่า “ชา” จะไม่ได้มีถิ่นกำเนิดในอังกฤษ และหากย้อนไปในอดีต กษัตริย์อังกฤษหลายพระองค์อาจไม่เคยได้ยินคำว่าชาด้วยซ้ำ แต่วัฒนธรรมการดื่มชา ก็ได้ถูกพัฒนาขึ้นในสหราชอาณาจักรอย่างต่อเนื่อง หลังจากการมาถึงของชาจากจีนและอินเดียในช่วงศตวรรษที่ 17-18 จนอังกฤษกลายเป็นชาติที่บริโภคชามากที่สุดในโลก

ที่อังกฤษนั้น ชา ไม่ได้หมายถึงแค่ชนิดของเครื่องดื่ม แต่ยังหมายถึงมื้ออาหาร afternoon tea คือมื้อบ่ายที่จะรับประทานกันในเวลา 4 โมงเย็น ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบ full tea คือของว่างมื้อหนัก ที่จะเสิร์ฟ finger sandwiches รูปแบบต่างๆ scone ตลอดจนเค้กและของหวานไว้ทานคู่กับชาซึ่งจะมาเป็นชุด ส่วน light tea และ cream tea จะเป็นมื้อเบาที่ชาจะถูกเสิร์ฟคู่กับของหวานและ scone ต่างกันเล็กน้อยตรงที่ cream tea จะเสิร์ฟ clotted cream และแยมสำหรับทา scone ด้วย ซึ่งเป็นสูตรการรับประทานแบบดั้งเดิมของแถบ Devon และ Cornwall ทางตะวันตกเฉียงใต้ของอังกฤษ

“ค่อยๆจิบ อย่าดื่มเป็นอึก” “แกว่งช้อนช้าๆ อย่าคน” คือพื้นฐานการดื่มชาแบบอังกฤษ เมื่อรู้แล้วว่าต้องสั่งอย่างไร ดื่มอย่างไร ลองมารู้จักกับ tea room ที่น่าสนใจในลอนดอน ทั้งแบบดั้งเดิมและร่วมสมัย สำหรับใครที่วางแผนจะเดินทางไปเที่ยวอังกฤษแล้วอยากสัมผัสประสบการณ์ afternoon tea แบบผู้ดีกันบ้าง


The English Tea Room แห่ง Brown’s Hotel

Brown’s-Hotel-London-The-EnglishTea-Room-Piano-Room-4542

Brown's hotel afternoon tea

The English Tea Room คือห้องดื่มชาของ Brown’s Hotel โรงแรมแห่งแรกของกรุงลอนดอน ที่เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปีค.ศ. 1837 และเพิ่งฉลองครบรอบ 175 ปีไปเมื่อปีค.ศ. 2012 ที่นี่ถือเป็นหนึ่งใน tea room ที่โด่งดังที่สุดของลอนดอน ที่ซึ่งได้รับความนิยมในหมู่บุคคลสำคัญระดับประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรี เชื้อพระวงศ์ ตลอดจนนักเขียนมีชื่อเสียงมากมาย แม้แต่สมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย ในอดีตก็ยังเสด็จพระราชดำเนินมาเสวยชาของที่นี่

ที่ The English Tea Room ชาคุณภาพสูง 17 ชนิดซึ่งถูกคัดสรรมาอย่างดีจากทั่วโลก จะถูกเสิร์ฟเคียงกับของว่างและขนมหวานซึ่งทางร้านรับประกันได้ว่า แม้แต่คนที่แพ้ถั่ว แพ้แป้ง หรือ คนทานอาหาร gluten free ก็สามารถเพลิดเพลินกับรสชาติได้อย่างเต็มที่ สูตรอาหารของที่นี่ถูกปรับให้เข้ากับยุคปัจจุบันที่ผู้คนห่วงใยสุขภาพกันมากขึ้น ใช้วัตถุดิบที่ low-carb, low-fat, low-sugar ในขณะที่ยังคงรสชาติแบบดั้งเดิมเอาไว้ ใครอยากสัมผัสบรรยากาศที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ พร้อมรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพคู่กับชาระดับโลก ควรมาที่ The English Tea Room แห่ง Brown’s Hotel ดูสักครั้ง

Location:Brown’s Hotel, Albemarle Street, London W1S 4BP
Opening Hours: เปิดทุกวัน เวลา 12.00 – 18.30 (ต้องจองโต๊ะล่วงหน้า)
Website: The English Tea Room


Claridge’s

Full AT set up

669-Tea-v1

Claridge’s คือโรงแรม 5 ดาวเก่าแก่ที่ซึ่งเหล่าราชวงศ์และชนชั้นสูงของอังกฤษนิยมแวะเวียนมาดื่มชากันอยู่เสมอ tea room ของที่นี่ตั้งอยู่ในส่วน foyer ของโรงแรมที่มีการตกแต่งภายในแบบ Art Deco ซึ่งคลอเคล้าด้วยเสียงเปียโนและเชลโล่จากนักดนตรีที่บรรเลงท่วงทำนองจากยุค 1920s เสริมบรรยากาศการดื่มชายามบ่ายได้เป็นอย่างดี tea room ของ Claridge’s ได้รับการยกย่องด้านความพิถีพิถันในการบริการมายาวนานกว่า 150 ปี afternoon tea ของที่นี่ประกอบไปด้วยชาคุณภาพจากทั่วโลกถึง 24 ชนิด เสิร์ฟพร้อมกับ finger sandwiches และ scone อบใหม่ๆที่เคียงคู่มากับกับแยม Marco Polo gelée และ Cornish clotted cream รวมไปถึง pastries รสดีหลากหลายชนิด ซึ่งทั้งหมดนี้จะถูกนำเสนอในชุดเครื่องเคลือบหรูสีขาวลายแถบเขียวหยกที่เป็นเอกลักษณ์ของที่นี่ แน่นอนว่าสถานที่ระดับนี้ต้องจองล่วงหน้า หากใครวางแผนจะมาควรรู้ล่วงหน้าว่ารองเท้ากีฬาผ้าใบ หรือ กางเกงยีนส์นั้นเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับ tea room ชั้นสูง เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม ถ้าอยากสัมผัสวัฒนธรรมเมืองผู้ดี ผู้มาเยือนก็ควรต้องวางตัวแบบผู้ดีเป็นธรรมดา

Location: 49 Brook Street, Mayfair London W1
Opening Hours: เปิดทุกวัน เวลา 14.45 น. 15.00 น. 15.15 น. 15.30 น. 16.45 น. 17.00 น. 17.15น. และ 17.30น.  (ต้องจองโต๊ะล่วงหน้า)
Website: Claridge’s


Sketch: The Gallery

EL643158_942long

Sketch afternoon tea

Sketch คือร้านอาหารและห้องชาระดับ Michelin Star ซึ่งตั้งอยู่ในอาคารโบราณยุคศตวรรษที่ 18 ที่ถูกแปลงโฉมให้โดดเด่นด้วยการตกแต่งภายในสุดตระการตา Sketch แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือส่วนบาร์และอาหารที่เรียกว่า The Glade ซึ่งตกแต่งราวกับเป็นป่าในเทพนิยาย อีกส่วนหนึ่งคือ tea room ที่เรียกว่า The Gallery ซึ่งมีการบรรยากาศฉีกจากร้านชาไหนๆด้วยสี salmon pink ที่ฉูดฉาดแต่ยังคงไว้ซึ่งความคลาสสิคมีระดับ ตลอดจนรายละเอียดการออกแบบต่างๆซึ่งเป็นผลงานการสร้างสรรค์ของ India Mahdhavi ตั้งแต่ฝ้าผนังทรงโดม พื้นห้องที่ใช้หินอ่อนสีแตกต่างกันถึง 96 เฉดสี รวมไปถึงเครื่องถ้วยชามกระเบื้องต่างๆบนโต๊ะ บรรยากาศเฉพาะตัวภายใน The Gallery ยังทำหน้าที่เป็นเหมือนพื้นหลังให้กับการจัดแสดงศิลปะ ทั้งสำหรับผลงานอาหาร  ซึ่งเป็นฝีมือของ Pierre Gagnaire, Master Chef ระดับ Michelin 3 ดาว และทั้งสำหรับผลงาน contemporary art ของ David Shrigley ศิลปินจาก Glasgow ซึ่งประดับอยู่ทั่วทั้งบริเวณร้านถึง 239 ชิ้น เปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถเพลิดเพลินกับชาและอาหารรสเลิศไปพลาง ชื่นชมงานศิลปะร่วมสมัยไปพลาง ราวกับกำลังมี afternoon tea party ใน art gallery เลยทีเดียว

Location: 9 Conduit Street, London, W1S 2XG
Opening Hours: เปิดทุกวัน เวลา 12.30 – 16.30 (ต้องจองโต๊ะล่วงหน้า)
Website: Sketch


Mad Hatter’s Afternoon Tea แห่ง Sanderson Hotel

11187235_10153095666776655_5378541961073032722_o

Image credit: Magazine motilo

Image credit: Magazine motilo

Mad Hatter’s Afternoon Tea คือร้านชาสำหรับคนชอบโลกแฟนตาซีที่อยากจะกระโดดลงไปใน “โพรงกระต่าย” สู่ดินแดนมหัศจรรย์ Mad Hatter คือชื่อเรียกของตัวละครช่างทำหมวกเพี้ยนหลุดโลกจากนิยายชื่อก้องโลก Alice in Wonderland ซึ่งคนมักจะจดจำได้จากฉาก tea party ที่อลิสได้พบกับ The Hatter เป็นครั้งแรกในการ์ตูนอนิเมชั่นของ Disney ที่นี่มีลูกเล่นสนุกๆมากมายที่จะสร้างประสบการณ์แปลกใหม่ให้กับการดื่มชา ไม่ว่าจะเมนูที่ซ่อนอยู่ในหนังสือโบราณ ผ้าเช็ดปากที่มีปริศนาซ่อนอยู่ กาน้ำชาชามจานฐานวางเค้ก ที่ตกแต่งด้วยลวดลายสุดแฟนตาซี ตลอดจนของว่างและของหวานนานาชนิดที่ถูกนำเสนอในธีม Alice in Wonderland อย่างเช่น Victoria sponge clock (cake) ที่ชื่อว่า “Tick Tock” หรือ “Jelly Wonderland” เยลลี่ผลไม้รสต่างๆทำจากพิมพ์แบบยุค Victorian และที่ขาดไม่ได้ คือ Drink Me Potion เยลลี่ ครีม และ โฟมรสผลไม้ในขวด แบบที่ในเรื่องอลิสดื่มแล้วตัวหดเล็กลง! เชื่อว่าใครก็ตามที่เป็นแฟนอนิเมชั่นหรือภาพยนตร์เรื่องนี้ น่าจะต้องอยากไปลองทาน afternoon tea ที่นี่สักครั้ง

Location: 50 Berners Street, London W1T 3NG
Opening Hours: เปิดทุกวัน เวลา 14.00 น. – 17.00 น. (ต้องจองโต๊ะล่วงหน้า)
Website: Sanderson Hotel


Diamond Jubilee Tea Salon แห่ง Fortnum & Mason

BN277142_942long

Image credit: Joss McKinley

KV601109_942long

Fortnum & Mason คือห้างสรรพสินค้าเก่าแก่บนถนน Piccadilly ที่เปิดมาตั้งแต่ปีค.ศ. 1707  ขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพของสินค้าจนได้รับการยอมรับจากนานาชาติมาเป็นเวลานาน แม้แต่ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆในวังหลวง ก็ได้ Fortnum & Mason เป็นผู้จัดหาให้ราชวงศ์มาตั้งแต่อดีต สินค้าของ Fortnum’s เป็นที่นิยมมากมาย โดยเฉพาะชาซึ่งคัดสรรมาเป็นอย่างดีมากกว่า 70 ชนิด และในโอกาสเฉลิมฉลองการครองราชย์ครบ 60 ปีของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 เมื่อปี 2012 Fortnum’s ก็ได้เปิดร้านชา Diamond Jubilee Tea Salon ขึ้นในวันที่ 1 มีนาคม 2012 ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งวันสำคัญของ Fortnum & Mason เนื่องจากสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 พร้อมด้วย Duchess of Cornwall และ the Duchess of Cambridge ได้เดินทางมาร่วมพิธีเปิดร้านด้วยพระองค์เองเลยทีเดียว

Location: 181 Piccadilly, London, W1A 1ER
Opening Hours: ทุกวันจันทร์ ถึง เสาร์ เวลา 12.00 น. – 19.00 น. | ทุกวันอาทิตย์ เวลา 12.00 น. – 18.00 น. (ต้องจองโต๊ะล่วงหน้า)
Website: Fortnum & Mason


วัฒนธรรม afternoon tea นั้นว่ากันว่ามีจุดเริ่มต้นมาจากนางสนองพระโอษฐ์ของราชินี Victoria ที่ชื่อ Anna Maria Stanhope ผู้ซึ่งเป็น Duchess แห่ง Bedford ย้อนไปช่วงต้นยุคศตวรรษที่ 19 ชาวอังกฤษยังคงรับประทานอาหารแค่ 2 มื้อต่อวัน คือ มื้อเช้าและมื้อค่ำ ทำให้ช่วงบ่ายมักจะเกิดอาการหิวกันขึ้นมา คุณหญิง Anna จึงเริ่มสั่งให้คนรับใช้แอบนำชาและอาหารว่าง อย่างเช่นขนมปังและเค้ก มาทานในห้องนอนเพื่อ “ประทังหิว” แล้วหลังจากนั้นคุณหญิงก็เริ่มชักชวนเพื่อนๆมาทานอาหารว่างและชายามบ่ายที่บ้านจนเป็นกิจวัตร และในที่สุดชนชั้นสูงตระกูลอื่นๆก็เริ่มปฏิบัติตามจนกลายมาเป็นกิจกรรมสุดฮิตของคนยุคนั้น ซึ่งสืบต่อกันเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน

โดยดั้งเดิมแล้ว afternoon tea นั้นจะจัดในห้องนั่งเล่นในบ้านที่ชาวอังกฤษเรียกกันว่า drawing room (หรือ withdrawing room) ซึ่งเป็นห้องสำหรับรับแขกที่จะมีโต๊ะเตี้ยข้างเก้าอี้หรือโซฟา การดื่มชาแบบนี้จึงเรียกอีกอย่างว่า low tea (ดื่มชาบนโต๊ะเตี้ย) ใครที่เคยดูซีรีย์ดังของอังกฤษเรื่อง Downton Abbey คงจะคุ้นเคยกับภาพของลักษณะการดื่มชาแบบนี้ ส่วน high tea นั้นแท้จริงแล้ว หมายถึงการดื่มชาบนโต๊ะอาหาร (โต๊ะสูง) คู่กับการรับประทานอาหารมื้อหลักอย่างอาหารเย็น แต่ปัจจุบันนิยามของ afternoon tea และ high tea ในบางแห่งก็ได้หลอมรวมจนกลายเป็นสิ่งเดียวกันไปแล้ว tea room บางแห่งถึงขั้นเสิร์ฟแชมเปญแล้วด้วยซ้ำ ที่พักและโรงแรมหรูชั้นนำทั่วโลกที่ได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมอังกฤษนั้น จะมี tea room ไว้ให้บริการสำหรับการพบปะสังสรรค์ อย่างเช่นที่ Brown’s Hotel, Claridge’s Hotel ที่กล่าวถึงไปแล้ว หรือที่ The Ritz โรงแรมเก่าแก่ซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่ celebrities ระดับโลกก็มี tea room ที่มีชื่อเสียงในระดับเดียวกัน

PowerPoint Presentation

PowerPoint Presentation

สำหรับเมืองไทย เร็วๆนี้กำลังจะมีคอนโดเปิดใหม่ THE MONUMENT SANAMPAO คอนโดมิเนียมระดับพรีเมี่ยมที่จะมี The Tea Room ดีไซน์หรูบนชั้น 9 ที่สามารถเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ cityscape ของใจกลางกรุงเทพฯได้ และยังเชื่อมต่อกับส่วนห้องสมุดบรรยากาศเก๋ๆที่เหมาะกับการนั่งทำงานอ่านหนังสือ ดังที่เราทราบกันแล้วว่าบรรยากาศนั้นถือเป็นเรื่องสำคัญสำหรับการทานชา การออกแบบ The Tea Room แห่งนี้จึงพิถีพิถันกับการเลือกวัสดุเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเคาน์เตอร์ชงชาหินอ่อน Lue’vy Grey หรือ พื้นไม้ Hexagon Basket Weave ลายดั้งเดิมที่ใช้ไม้สักหายากมาต่อลายและประกอบด้วยมือ แม้แต่ chandelier ที่มีลักษณะราวกับเป็นชิ้นงานศิลปะซับซ้อนที่เลียนแบบโครงสร้างของธรรมชาติขึ้นมา ก็เป็นผลงานทำมือเช่นกัน ใครสนใจอยากอยู่คอนโดที่จะมี tea room เป็นของตัวเองไว้นั่งสังสรรค์ จิบชาอุ่นๆยามบ่ายในบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยกลิ่นชาหอมกรุ่น แบบไม่ต้องเดินทางไปไกลถึงอังกฤษ ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เวบไซต์ของ THE MONUMENT SANAMPAO, Sansiri Family หรือสอบถามข้อมูลได้ที่ 1685 กันได้เลย

Magazine made for you.