Best Eats รามอินทรา อร่อยได้ไม่ต้องเข้าเมือง

5 วันหลังโต๊ะทำงาน กับชีวิตเมืองที่พลุ่งพล่านตลอดทั้งสัปดาห์ อาจทำให้หลายคนอยากดีดตัวออกนอกใจกลางมหานคร ทิ้งความโกลาหลทั้งหลายเอาไว้เบื้องหลังทันทีที่ชั่วโมงทำงานวันศุกร์จบลง บางคนต้องวางแผนเปลี่ยนบรรยากาศ หาที่ใหม่ๆ ไกลเมืองเพื่อหนีไป refresh ตัวเองทุกสุดสัปดาห์ และบางครั้ง การได้ออกไปรู้จักย่านนอกเมืองที่เราไม่คุ้นเคยก็ทำให้เราเห็นมุมใหม่ๆ ที่น่าสนใจ และทำให้รู้สึกว่ากรุงเทพกว้างขึ้นอีกนิดนึง

ถึงสมัยก่อนรามอินทราจะเป็นเพียงถนนที่ถูกตัดขึ้นมาเชื่อมให้เมืองฝั่งนนทบุรีกับมีนบุรีไปมาหาสู่กันได้สะดวกขึ้น แต่ปัจจุบันรามอินทราขยายตัวและเจริญขึ้นจนเหมือนเป็นเมืองใหม่ของตัวเอง มีทั้งทางด่วนและถนนใหญ่หลายสายตัดมุ่งไปหา รวมไปถึงแหล่งแฮงค์เอาท์ ช้อปปิ้ง และร้านอาหารบรรยากาศดี ที่ถึงอยู่ไกลจากความวุ่นวายของใจกลางมหานคร แต่ก็มีทุกอย่างครบจนคนในย่านออกปากเองว่าไม่เคยต้องออกไปไหนไกลให้เหนื่อย ไปดูกันว่าชาวรามอินทรามีแหล่งกินแหล่งเที่ยวที่ไหน ที่คนนอกย่านต้องอยากตามไปลองชิมกันบ้าง

CODE

ร้านขนมหวานที่สร้างเอกลักษณ์ของตัวเองได้อย่างน่าสนใจด้วยการสร้างสรรค์ Lava Toast ขนมปังอบชิ้นโตที่มีไส้ไหลเหมือลาวา ซึ่งไอเดียอร่อยๆ นี้ถือว่าเป็น Lava Toast เจ้าแรกของประเทศไทยเลยทีเดียว สำหรับชื่อร้าน CODE นั้นย่อมาจาก Café of Dessert Enthusiasts แหล่งโปรดปรานของคนรักขนมหวานซึ่งที่นี่มีสารพัดเมนูให้เลือกอร่อย

คาเฟ่ตกแต่งด้วยงานไม้มีกลิ่นอายคาเฟ่แบบญี่ปุ่นที่ชวนนั่งชิลล์ แต่ที่เด็ดยิ่งกว่าคือเมนูที่ชวนนั่งชิม ซึ่งสิ่งแรกที่แนะนำให้ลองก็คือ Lava Toast อันเป็น Signature ของทางร้านนั่นเอง เมนูนี้มีหลายไส้ให้เลือกอร่อย แต่ที่ฮิตสุดๆ เห็นจะเป็น Thai Tea Lava Toast ที่เสิร์ฟขนมปังชาร์โคลผสมผงถ่านสีดำก้อนโตอบจนหอมกรุ่น เมื่อเจาะขนมปังจะมีไส้ชาไทยสีส้มไหลเยิ้มออกมาดูน่าอร่อย ทานคู่กับไอศกรีมวนิลลา เป็นความอร่อยที่ผสมกันอย่างลงตัว นอกจากนั้นก็ยังมี Croissant Lava ที่ครีเอทความอร่อยใหม่ขึ้นเป็นครัวซองไส้เยิ้ม แนะนำให้ลองชิม Croissant Salted Egg Lava ครัวซองไส้ลาวาไข่เค็มที่ฟังชื่อแล้วอาจดูแปลกไปสักหน่อยแต่ทว่ารสชาติของครัวซองกับลาวาไข่เค็มนั้นเข้ากันได้อย่างอร่อยไม่เหมือนสูตรไหนเลยทีเดียว เป็นขนมหวานที่น่าลองอย่างยิ่ง

[su_tabs][su_tab title=”Details”]

Opening hours : จ.-ศ. 11.00-21.00 น. / ส.-อา. 10.00-22.00 น.

Location: CODE, The Jas Ramintra
ถ.ลาดปลาเค้า (ฝั่งปากทางถนนรามอินทรา) แขวงรามอินทรา เขตบางเขน กรุงเทพฯ | 0-2041-0260

[su_gmap width=”1600″ address=”code, The Jas Ramintra “][/su_gmap]

[/su_tab] [/su_tabs]

Stitch & Hammer Café

ชื่อร้านนั้นมาจากกระบวนการ “การเย็บ” และ “การตอก” เครื่องหนัง ซึ่งนี่คือผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ Korapin ที่ออกแบบอย่างมีสไตล์และเป็นแบรนด์เครื่องหนังไทยที่ได้รับความนิยมในหมู่คนรุ่นใหม่มากทีเดียว หลังจาก Korapin เป็นแบรนด์ที่ติดตลาดแล้วทางร้านก็เลยเปิดคาเฟ่ขึ้นเพื่อให้เป็นแหล่งแฮงค์เอาท์ชิลล์ๆ ไปในตัว

ตัวร้านนั้นตกแต่งในแนว Industrial ผสมผสาน Rustic ที่เน้นงานไม้และเหล็กออกแบบในแนวดิบแต่เท่ ด้านบนเป็นสตูดิโอออกแบบเครื่องหนังรวมไปถึงการเป็นช็อปเก๋ๆ ของแบรนด์ Korapin ส่วนด้านล่างเปิดเป็นคาเฟ่เท่ๆ ที่เสิร์ฟทั้งอาหารและเครื่องดื่ม ตำรับอร่อยนั้นเน้นวัตถุดิบชั้นดีที่เลือกเฉพาะผลิตผลออร์แกนิก ปรุงแบบโฮมเมดที่เน้นความสดใหม่ อาหารเป็นแนว Comfort Food ทำง่ายๆ แต่ใส่ใจคุณภาพ ทีเด็ดอีกอย่างของที่นี่ก็คือกาแฟที่ทางร้านคัดสรรเมล็ดพันธุ์จากแหล่งปลูกที่ดีเท่านั้น แถมยังมีกาแฟที่คั่วบดพิเศษถือว่าเป็น Signature Blend สั่งคั่วในสูตรเฉพาะตัวอย่าง Hammer Roast รสเข้มหอมกรุ่น หรือ Signature Blend บางเบาเคล้ากลิ่นหอมของผลไม้และดอกไม้ เป็นต้น

[su_tabs][su_tab title=”Details”]

Opening hours :
จ.-ศ. 08.00-19.00 น.
ส.-อา. 10.00-19.00 น.

Location: Stitch & Hammer Café
40 ซอยรามอินทรา 97 ถ.รามอินทรา แขวงคันนายาว เขตคันนายาว กรุงเทพฯ | 0-2075-6506

[su_gmap width=”1600″ address=”Stitch & Hammer Café “][/su_gmap]

[/su_tab] [/su_tabs]

The H Café by Khaniece

ตัว H ที่อยู่ในชื่อร้านนั้นเป็นตัวย่อที่มาจากคำว่า Healthy ซึ่งแน่นอนว่าร้านนี้มีตำรับความอร่อยในแบบ Fusion Healthy Cuisine ที่มีอาหารหลากหลายรูปแบบสำหรับคนรักสุขภาพ สิ่งที่ดีต่อสุขภาพอีกอย่างนอกจากเมนูก็คือความร่มรื่นของร้านที่ตกแต่งให้มีกลิ่นอายเหมือนคาเฟ่ในสวนอังกฤษ

เชฟนั้นเคยทำงานในร้านอาหารอิตาเลียนชื่อดังแถมยังผ่านประสบการณ์ในครัวมามากมายทำให้ทุกจานที่นี่การันตีความอร่อยที่ไม่แพ้ต้นตำรับ ด้วยความที่เป็นร้านอาหารเพื่อสุขภาพนั้นวัตถุดิบทุกอย่างจึงล้วนได้รับการคัดสรรเป็นอย่างดี ตั้งแต่ผักออร์แกนิกที่ปลูกเอง เนื้อคุณภาพจากต่างประเทศ ไปจนถึงเครื่องปรุงต่างๆ ที่นำเข้ามาจากหลากหลายแหล่งเช่นกัน มาปรุงอย่างพิถีพิถันเสิร์ฟความอร่อยที่มีคุณภาพให้ได้ทานกัน นอกจากนี้ในร้านยังมีกาแฟรสชาติเยี่ยมที่ใช้กาแฟนำเข้าจากอิตาลีแหล่งกาแฟแท้ดังเดิมให้เราได้ลิ้มลองความเป็นอิตาลีแท้ๆ อีกด้วย

[su_tabs][su_tab title=”Details”]

Opening hours : ทุกวัน 08.00-21.00 น.

Location: The H Café by Khaniece
32/204 ซอยรามอินทรา 65 แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพฯ |0-2510-9934

[su_gmap width=”1600″ address=”The H Café by Khaniece “][/su_gmap]

[/su_tab] [/su_tabs]

J’Coffee (café de Colombia)

เอกลักษณ์ของ J’Coffee ที่รู้กันดีคือการนำเอาตู้คอนเทนเนอร์มาออกแบบสร้างสรรค์เป็นร้านกาแฟเท่ๆ ที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร สำหรับสาขานี้เป็นการนำเอาตู้คอนเทนเนอร์ 3 ตู้มาเชื่อมต่อกันเป็นร้านที่สร้างเอกลักษณ์ให้ย่านวัชรพลได้ดีทีเดียวล่ะ ภายในร้านนั้นตกแต่งด้วยงานไม้ผสมงานเหล็กในแนว Modern Industrial ที่เข้ากับตัวตู้คอนเทนเนอร์ แล้วสิ่งที่เหมาะกับการนั่งแฮงค์เอาท์ทำงานก็คือทุกที่นั่งมีปลั๊กไฟรองรับทุกโต๊ะด้วย

ตัวกาแฟนั้นทางร้านคัดสรรเมล็ดพันธุ์ชั้นดีมาจากหลากหลายแหล่งทั่วโลกให้เลือกชิม แถมยังมีสูตรเบลนด์เป็นเฉพาะของตัวเองด้วย แต่ทีเด็ดของร้านเห็นจะเป็นกาแฟเย็นที่ผสมผสานรสชาติได้ถูกปากถูกใจคอกาแฟไทยทีเดียว นอกจากนั้นก็ยังมีความอร่อยในรูปแบบอื่นอีกมากมายอย่างชาเย็นแบบไทยๆ ที่ขอบอกว่าอร่อยไม่แพ้กาแฟเลยล่ะ

[su_tabs][su_tab title=”Details”]

Opening hours : ทุกวัน 06.30-19.00 น.

Location: J’Coffee (café de Colombia)
ซอยรามอินทรา 55 (วัชรพล) (ใกล้กับ Plearnary Mall วัชรพล) แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพฯ

[su_gmap width=”1600″ address=”J’Coffee”][/su_gmap]

[/su_tab] [/su_tabs]


Sponsored by

รามอินทรา

“ไซมิส คิน (Siamese KIN)” โครงการบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม บน ถนนรัชดา-รามอินทรา บ้านนวัตกรรมที่ใช้เทคโนโลยีการผลิตจากประเทศญี่ปุ่น โดยผลิตจากโรงงาน SCG HEIM ที่ได้มาตรฐาน มีจุดเด่นในด้านคุณภาพ ความแข็งแรง และยังมีเทคโนโลยีที่ทำให้ผู้พักอาศัยอยู่สบายด้วยระบบ ป้องกันเสียง ฝุ่น และความร้อน มอบสุขภาพที่ดีแก่ผู้พักอาศัย พร้อมตอบโจทย์การใช้ชีวิตได้อย่างลงตัวในทุกด้าน ใกล้ศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ โรงเรียน และโรงพยาบาล เดินทางสะดวกรวดเร็วเพียง 3 นาที สู่ทางด่วนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครฝั่งตะวันออก และสถานีรถไฟฟ้าสายสีชมพู (คาดว่าแล้วเสร็จปลายปี 2563)

แวะชมโครงการบ้านนวัตกรรมจาก Siamese KIN ได้ทุกวัน
ลงทะเบียนได้ที่ https://goo.gl/16k6tQ | โทร. 081-931-1411

นักเดินทางที่เป็นทั้งนักเขียนและช่างภาพในตัว เขียนงานให้กับสื่อต่างๆ ในเมืองไทยมากมายตั้งแต่สารคดีหนักๆ, บทสัมภาษณ์, ไปจนถึงเรื่องดีไซน์และแฟชั่น แต่ผลงานที่โดดเด่นเห็นจะเป็นบทความด้าน Food & Travel ที่เขียนถึงทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่เขาหลงรักอย่างญี่ปุ่น

Magazine made for you.