เที่ยวไปถ่ายไป 7 วันใน โครเอเชีย

Hello again Croatia!

ทริปนี้เกิดขึ้นหลังจากทริปแรก ที่พวกเราเคยได้ล่องเรือ เที่ยวทะเลเมดิเตอร์เรเนียน แล้วเรือเทียบท่าเพื่อให้พวกเราได้แวะชมเมืองดูบรอฟนิค (Dubrovnik) ที่ โครเอเชีย ครึ่งวัน หลังจากครึ่งวันนั้น พวกเราตัดสินใจว่าจะต้องกลับมาเที่ยวที่นี่อีกเป็นครั้งที่สองให้ได้ อาจจะด้วยบรรยากาศ สถานที่ท่องเที่ยว และอาหาร (อย่างหลังเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้อยากกลับมาอีก) ที่พอเรากลับขึ้นเรือกันแล้วรู้สึกว่า “เฮ้ย มันยังเที่ยวไม่ครบเลย อยากเดินเที่ยวต่อในเมืองอีก!”

วันที่ 30 เมษา – 8 พฤษภา ที่ผ่านมา ทริปนี้จึงได้เกิดขึ้น เราขอแนะนำว่าให้มาช่วงต้นเดือนพฤษภา คนไม่เยอะมากเกินไป อากาศกำลังสบาย ควรพกร่มมาด้วย เพราะวันสองวันแรกยังมีฝนตกประปราย ถ้ามาปลายเดือนพฤษภาไปจนถึงสิงหา อากาศที่นี่จะร้อนคล้ายบ้านเรา เพราะเป็นช่วงซัมเมอร์ของยุโรปพอดี ต้องแย่งกินแย่งเที่ยวกับคนยุโรป ที่สำคัญคือต้องหาโรงแรมที่พักล่วงหน้าแต่เนิ่นๆเลย เพราะถ้าหาเอาใกล้ๆ รับรองได้กินแห้วแน่นอน

เรานั่งเครื่องจากไทยมาลงที่สนามบินเวียนนาแล้วเปลี่ยนเครื่องบินเล็กมายังโครเอเชีย ครั้งนี้พวกเราเลยได้เห็นวิวทิวทัศน์ของโครเอเชียในมุมที่ต่างไปจากการล่องเรือ เวลาในโครเอเชียจะช้ากว่าไทยอยู่ 5 ชั่วโมง อากาศที่โครเอเชียเฉลี่ยจะอยู่ที่ 14-27 องศาเซลเซียส แต่ถ้าวันไหนฝนตก ลมแรง ความหนาวจะเพิ่มดีกรีขึ้น ควรเตรียมเสื้อกันหนาวกับผ้าร่มมาเผื่อด้วยนะ

โครเอเชีย

โครเอเชีย

วันที่หนึ่ง เราแวะกรุงซาเกรบ (Zagreb) ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่าพันปี

4a

เดินชมเขตเมืองตอนบนและล่าง ที่เชื่อมกันด้วยรถรางที่มีความยาวที่ “สั้นที่สุดในยุโรป” ไม่ต้องแปลกใจ ที่บอกว่าสั้นที่สุดมันสั้นจริงๆ ฉันลองจับเวลาดูใช้เวลาไม่ถึงนาทีก็ถึง เขตเมืองตอนบนของกรุงซาเกรบแล้ว รถรางนี้เหมาะกับคนที่สูงวัย สำหรับเด็ก วัยรุ่นแบบเราๆ จะเลือกเดินขึ้นบันไดเอาก็ไม่ว่ากัน

4e

พวกเราเข้าชมมหาวิหาร เซนต์ สตีเฟ่น ซึ่งเป็นโบสถ์คาทอลิกประจำเมืองซาเกรบ และเดินเล่นชมตลาดกลางเมือง (Dolac Market) เป็นตลาดกลางแจ้งเก่าแก่ที่ขายไม้ดอกไม้ประดับ และผลไม้ราคาถูก เราขอแนะนำให้แลกเงินยูโรมาจากไทย แล้วเปลี่ยนเป็นเงินสกุลคูน่าอีกทีตอนถึงสนามบิน Pleso International Airport ที่ โครเอเชีย เพราะประเทศโครเอเชียใช้เงินสกุลคูนาร์ เป็นเงินตราหลัก (1 ยูโร จะได้ประมาณ 7.5 คูนาร์ หรือ 1 คูนาร์ เท่ากับ 5.85 บาทโดยประมาณ แต่โรงแรมและร้านค้าก็ยินดีรับเงินยูโร ควรตรวจสอบอัตราแลกเปลี่ยนอีกครั้งก่อนเดินทาง) ส่วนของช้อปปิ้งที่โครเอเชียจะถูกใจคนที่รักการเที่ยวธรรมชาติ และรักสุขภาพ เพราะสินค้าที่ขายดีจะเป็นน้ำมันมะกอก (Olive), ช็อกโกแลต, ลาเวนเดอร์อบแห้ง, เครื่องแก้ว, เห็ดทรัฟเฟิล ฟองน้ำขัดตัวที่มาจากธรรมชาติ และ หม้อกระทะ (ถูกใจคุณแม่บ้านไทยทั้งหลายที่สุด เพราะราคาถูกกว่าไทยใช้ได้เลย) จริงๆยังมีของที่ระลึกอีกมากแต่ที่ยกขึ้นมาเป็นสินค้าขึ้นชื่อและเห็นได้บ่อยทั่วทุกเมืองที่ฉันไป

4

4b

4c

4d

4f

4g

4h

5

6

ก่อนที่จะเดินทางต่อไปยังเมืองถัดไป อีกสถานที่ที่น่าไปถ่ายรูปคือ สุสานที่ใหญ่ที่สุดของโครเอเชีย Mirogoj Cemetery สุสานนี้สร้างขึ้นในปีค.ศ. 1876 และเสร็จสมบูรณ์ในปี 1929 สุสานนี้ยังเป็นที่เก็บศพของบุคคลที่มีชื่อเสียงมากมายในโครเอเชีย ภายในจึงมีการตกแต่งสวนไว้อย่างสวยงามเหมาะมาถ่ายหนังถ่ายละครดีนะ

7

10

9

8

เราเดินทางต่อไปยังเมือง โอพาเทีย (Opatija) เป็นเมืองที่มีสมญานามว่า “ไข่มุกแห่งทะเลอาเดรียติก” ด้วยธรรมชาติที่ยังบริสุทธิ์ติดริมทะเล ทำให้เมืองนี้เป็นเมืองท่องเที่ยวและพักผ่อนที่สำคัญที่สุดเมืองหนึ่งของโครเอเชีย จุดที่พลาดไม่ได้คือรูปปั้น นางแห่งนกนางนวล (Maiden with the Seagull) เป็นรูปปั้นที่แกะโดย Zvonko Car นักประติมากรที่มีชื่อเสียง หญิงสาวที่นกนางนวลเกาะอยู่ที่มือยืนเด่นเป็นสัญลักษณ์ของเมืองนี้ และมักจะมีนกนางนวลจริงๆบินมาเกาะที่รูปปั้นนี้เป็นประจำ

25

26

วันที่สอง เมืองพูล่า (Pula) หรือ โพล่าในภาษาอิตาเลียน เป็นเมืองที่เก่าแก่ที่สุดที่มีความโดดเด่นในฐานะศูนย์กลางคาบสมุทรอิตาเลียน เมืองนี้เคยเป็นศูนย์กลางของแหลมอิสเตรีย และเคยเป็นดินแดนของประเทศอิตาลี ทำให้ที่นี่ผู้คนใช้ภาษาอิตาเลียนอย่างแพร่หลาย เราได้เข้าชมสิ่งก่อสร้างในสมัยโรมันที่ใหญ่และสำคัญที่สุดคือ สนามอารีน่า (Arena) หรือที่เรียกว่า Amphitheater สนามกีฬากลางแจ้งนี้มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับโคลอสเซียมที่กรุงโรมเป็นอารีน่าที่ใหญ่เป็นอันดับหกที่สร้างขึ้นในยุคโรมันเรืองอำนาจและสร้างขึ้นตามแบบเดียวกับโคลอสเซียมในกรุงโรม สามารถจุคนได้ถึง 23,000 คน ปัจจุบันมักใช้เป็นสถานที่จัดงานกิจกรรมกลางแจ้ง เทศกาลดนตรี รวมทั้งสถานที่จัดงานภาพยนต์ประจำปี (International Film Festival) ด้วย ในวันที่พวกเราเยี่ยมชมเป็นวันที่ทีมงานกำลังจัดเตรียมสถานที่สำหรับการแสดง Gladiator จำลองการรบของนักรบในสมัยก่อนให้นักท่องเที่ยวได้ชมกัน

11

12

13

14

15

หลังจากนั้นเราได้เดินทางไปยังเมือง โรวินจ์ (Rovinj) เมืองสวยชายทะเล ตั้งอยู่บนแหลมอิสเตรีย ด้วยความที่ดินแดนนี้ถูกปกครองโดยเวเนเชี่ยน ภายใต้การปกครองของอิตาลีมาก่อน ทำให้สถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมของเมืองนี้มีความคล้ายคลึงกับอิตาลีทั้งบ้านเรือน ตรอกซอกซอยร้านกาแฟ และร้านอาหาร

19

21a

21

20

ร้านอาหารกลางวันที่เราแวะทานเป็นร้านที่สามารถมองเห็นวิวสวยของเมืองนี้ได้เป็นอย่างดี ถ้าใครแวะมาขอให้ลองชิมจานเด็ดของที่นี่เป็นสปาเก็ตตี้ปลาหมึกโรยเห็ดทรัฟเฟิล slice บางๆ ไม่เลี่ยนกำลังดี

16

17

18

หลังจากอิ่มพุงกางแล้ว เราเดินขึ้นเนินไปยังโบสถ์ St. Euphemia ซึ่งเป็นโบสถ์ที่มียอดสูงถึง 61 เมตร และถือว่าเป็นโบสถ์ที่สูงที่สุดของเมืองนี้ ด้านนอกโบสถ์ก็คึกคักดีเพราะมีหนุ่มสาวมาออกกำลังให้ดู

22

22a

22b

22c

22d

22e

22f

พวกเราเดินเล่นกันต่อ ด้วยความที่เป็นเมืองสวยชายทะเล ฉันเลยได้เก็บภาพบรรยากาศรอบตัว ก่อนที่จะได้เวลาทานอาหารเย็นแถวที่พักในเมืองโอพาเทีย (Opatija) ฉันค่อนข้างปลื้มที่พักของโครเอเชียเป็นพิเศษ เพราะทริปนี้แม่ ฉันและน้องต้องนอนร่วมห้องกันตลอดทริป ก่อนไปแอบหวั่นๆว่ามันจะนอนกันยังงัยนะ กระเป๋าสัมภาระแต่ละคนใหญ่ๆทั้งนั้น กลายเป็นว่าห้องนอนมีขนาดใหญ่และกว้างมาก เตียงเสริมสำหรับแขกมีขนาดไม่ต่างไปจากเตียงคู่ อาจจะเพราะไซส์ของคนยุโรปสูงใหญ่กันอยู่แล้ว ที่พักจึงไม่เป็นปัญหาเลยสำหรับคนที่อยากมาเที่ยวที่นี่ (แนะนำโรงแรม Hotel Milenij นอกจาก Breakfast ที่มีให้เลือกหลากหลาย, ห้องพักขนาดใหญ่โอ่โถง, ทางออกด้านหลังโรงแรมยังมีวิวที่สวยติดสวนหย่อมและสามารถเดินไปถ่ายรูปแม่นกนางนวลที่ติดทะเลได้ เพียงเดินไปไม่ถึง 500 เมตรก็เจอแล้ว

23

24

24a

24b

24c

24d

27

27a

วันที่สาม ถือเป็นไฮไลท์สำคัญของทริปนี้ นั่นก็คือ อุทยานแห่งชาติ พลิตวิเซ่ (NP Plitvice) ใช้เวลาเดินทางภายในอุทยาน 2 ชั่วโมง เป็นอุทยานที่แทบจะเรียกว่าเป็นสวรรค์แห่งหนึ่งเลยก็ว่าได้
อุทยานแห่งนี้มีชื่อเสียงจนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์กร UNESCO มีอาณาบริเวณกว่า 29,482 เฮคเตอร์ พื้นที่ส่วนใหญ่ปกคลุมด้วยน้ำมีทะเลสาบสีเขียวมรกตและสีฟ้ารวมกันถึง 16 ทะเลสาบ โดยเชื่อมต่อกันด้วยทางเดินสะพานไม้ลัดเลาะระหว่างทะเลสาบกับเนินเขา

28a

ทะเลสาบที่อุทยานแห่งนี้มีชื่อเสียงในเรื่องของสีสันซึ่งจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆตามปริมาณแร่ธาติหรือสิ่งมีชีวิตในน้ำ และแสงเงาที่ตกกระทบลงบนผิวน้ำ

29

ก่อนเดินเที่ยวในอุทยาน พวกเราทานอาหารกลางวันที่เป็นอาหารขึ้นชื่อของอุทยานนี้คือ ปลาเทร้าส์น้ำจืด แต่ไม่ได้จืดเหมือนชื่อ ปลาสดตัวโต ทานคู่กับผักต้ม รสชาติกำลังดี ถ้ามีพกน้ำจิ้มจากบ้านเราไปก็ยิ่งอร่อยเหาะ เป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่ทำให้พวกเรามีแรงในการเดินเท้าตั้งแต่ต้นทางยันปลายทางภายในเวลา 2 ชั่วโมงนิดๆได้แบบสบายๆ

28

การเดินเที่ยวในอุทยานขึ้นอยู่กับสภาพอากาศในแต่ละวัน บางวันน้ำขึ้นสูงจนท่วมทำให้ต้องปิดทางเดินในบริเวณนั้นๆ โชคเข้าข้างพวกเราที่วันนั้นฟ้าจ้า แดดออก อากาศไม่ร้อนมากนัก ทำให้คนที่ไม่เคยมีโอกาสถ่ายรูปน้ำตกมาก่อนอย่างฉัน ได้เก็บภาพมาแทบจะทุกก้าวที่เดินในอุทยานนี้ สิ่งสำคัญของการเดินทัศนศึกษาในอุทยานนี้คือต้องมีสติและทำเวลาให้ทันเดินครบทุกจุด เพราะสะพานไม้ที่เชื่อมระหว่างเนินเขากับทะเลสาบไม่มีราวกั้นและค่อนข้างขรุขระ ถ้ามัวกดรูปไม่มองทางได้มีตัวเปียกกลับบ้านแน่นอน ฉันเองก็เกือบจะตกน้ำเพราะมัวถ่ายรูปเพลิน แนะนำว่าถ้ามาเที่ยวแบบไม่ง้อทัวร์ ให้สำรองที่พักภายในอุทยานไปเลยวันนึง ทางอุทยานเองมีโรงแรมที่พักสำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากจะใช้เวลาในการเดินชมทิวทัศน์ทั้ง 16 ทะเลสาบอยู่แล้ว (แต่ที่พักในบริเวณอุทยานแห่งชาติ จะเป็นที่พัก 2-3 ดาว เท่านั้น)

30

31

32

33

35

36

38

ในแต่ละจุดของทะเลสาบจะมีระดับความลึกของน้ำแตกต่างกันไป พวกเราชอบการจัดการของที่นี่มาก เพราะการเดินทางทั้งหมด เราแทบจะไม่เห็นขยะตามเส้นทางการเดินเขาเลยสักชิ้น น้ำมีสีสันสวยงามและใสมากกกกกก เห็นปลาได้ชัดเจน บางจุดร่มรื่นมาก เหมาะกับการเดินพักผ่อนของทั้งครอบครัวและที่มาเป็นคู่ ข้อดีของการมาไม่ตรงกับซัมเมอร์ยุโรปคือ ถ่ายรูปไม่ลำบาก เพราะด้วยทางเดินที่ไม่กว้างมากนัก นักท่องเที่ยวบางจุดต้องยืนต่อแถวยาวเพราะการจราจรแออัด ฉันใช้เวลาในการถ่ายรูปในแต่ละจุดไม่เกิน 5 นาที เพราะสายตาของคนข้างหลังจะกดดันมาเป็นระยะๆ ทำให้ต้องรีบจ้ำอ้าวเป็นคนเกือบสุดท้ายของกรุ๊ปตลอด

39

40

41

42

43

44

ช่วงสุดท้ายของวันที่สามพวกเราล่องเรือข้ามทะเลสาบ (Kozjak) ซึ่งเป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในอุทยาน เป็นทะเลสาบที่เชื่อมระหว่างอุทยานตอนบนและล่าง มีหลายจุดที่น้ำไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ มีแอ่งเล็กแอ่งน้อยมากมาย เกิดเป็นภูมิทัศน์ที่สวยงาม ขอบอกเลยว่าใครที่มาโครเอเชียห้ามพลาดอุทยานนี้จริงๆ

46

47

48

49

วันที่สี่ เราเข้าสู่เมืองซีบีนิค (Sibenik) ชมตัวเมืองเก่าริมฝั่งทะเลอาเดรียติค และสภาว่าการเมืองเก่า The Old Loggia ที่สร้างขึ้นราว ค.ศ. 15 สิ่งหนึ่งที่ฉันสังเกตได้จากการเดินข้ามถนนไปดูเมืองเก่า คือ ผู้คนที่นี่เคารพกฎจราจรดีมากกก เพียงแค่เราจะก้าวข้ามถนน ไม่ว่าจะเป็นรถคันใหญ่ หรือ มอเตอร์ไซจะหยุดให้เราข้ามโดยที่ทิ้งระยะห่างจากทางม้าลายราวๆ 2-5 เมตรได้ เรื่องการขับขี่และหยุดรถให้คนข้ามถนน ไม่ว่าจะเป็นคนแก่หรือวัยรุ่นที่แต่งตัวเฮี้ยว เค้าเคารพกฏจราจรได้ดีจริงๆ

49a

49b

49c

หลังจากนั้นเราแวะชม มหาวิหารเซนต์เจมส์ หรืออีกชื่อ เซนต์จาคอบ ที่มีการผสมผสานสถาปัตยกรรมอิตาเลี่ยน – ดัลเมเชี่ยน (ไม่ใช่สุนัขนะจ๊ะ) ได้อย่างลงตัวงดงามด้วยยอดโดมและหลังคาที่ประดับด้วยแผ่นหินทั้งหมด โดยไม่ใช้วัสดุอื่นมาต่อเติม จนได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกจากยูเนสโก้ ภายนอกวิหารมีการแกะสลักรูปปั้นอดัมอีฟ, สิงโต และรูปนักบุญหลายองค์

50

51

51a

51b

52

53

54

จากนั้นเดินทางเข้าสู่เมืองโทรเกียร์ (Trogir) เมืองมรดกโลก ระหว่างทางพวกเราแวะชมเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของโครเอเชีย คือ เมืองพรีโมสเตนเป็นเมืองเล็กที่สวยงาม ในสมัยก่อนมีคนยกย่องให้ชาวเมืองนี้มีความอดทนมากต่อการใช้ชีวิต เพราะภูมิประเทศเป็นภูเขาหินแต่ยังอุตสาหะปลูกพืชทำเกษตรกรรม

55

56

57

เราเดินชมภายในเขตเมืองเก่าโทรเกียร์ที่มีสถาปัตยกรรมสไตล์กรีก-โรมันโบราณ ทั้งประตูเมือง ที่มีการบูรณะขึ้นใหม่เมื่อศตวรรษที่ 16 ขึ้นไปดูวิวบนหอนาฬิกาที่สร้างขึ้นในสมัยที่ 14 (บันไดทางเดินขึ้นหอนาฬิกาค่อนข้างแคบและบอบบางแต่พอได้ขึ้นไปเห็นวิวด้านบนแล้วทำให้ลืม ความกลัวที่สูงไปได้เลย แต่ไม่แนะนำให้ผู้สูงอายุขึ้นนะ เพราะบันไดชันมาก) จากนั้นเราผ่านชมมหาวิหารเซนต์ลอร์เรนซ์ ที่ใช้เวลาสร้างนานนับสิบปี และต่อไปยัง เมืองสปลิท (Split) โดยใช้เส้นทางลัดเลาะเลียบชายฝั่งทะเลอาเดรียติค ที่นี่บ้านเรือนใช้หลังคากระเบื้องสีส้มสลับตามแนวชายฝั่งเป็นระยะๆ

58

59

60

67

62

63

64

65

66

68

วันที่ห้า ช่วงเช้าเราชมพระราชวังดิโอคลีเชี่ยน สร้างขึ้นจากความต้องการของจักรพรรดิ์ที่ต้องการสร้างพระราชวังสำหรับบั้นปลายชีวิตของพระองค์ ใช้เวลาในการก่อสร้างถึง 10 ปี UNESCO ได้ขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลก ช่วงบ่ายพวกเราเดินทางไปอ่าวมาลี สตอน (Mali Ston) ระหว่างทางก่อนจะถึงที่หมาย ฉันสามารถเก็บภาพความสวยงามของประเทศนี้ได้เรื่อยๆ เพราะรถจะต้องวิ่งเลียบตามแนวเขามองเห็นวิวทะเลได้ตลอดสองข้างทาง แนะนำให้นั่งด้านขวาของรถทัวร์ จะเก็บวิวทะเลได้เพียบกว่าฝั่งซ้ายค่ะ

69

70

71

72

73

ที่อ่าวมาลี สตอน มีฟาร์มเลี้ยงหอย เรียงรายอยู่มากมาย เราได้ชมขั้นตอนต่างๆของการเลี้ยงหอย ตั้งแต่นั่งเรือออกไปดูแหล่งเพาะหอย กัปตันเรือจะแกะ ให้เราได้ชิมหอยทะเลสดๆจากทะเลอาเดรียติคทานคู่กับไวน์ขาวไปพร้อมๆกัน

75

76

76a

77

77a

78

79

80

80a

80b

81

หลังจากนั้นเราข้ามพรมแดน แวะเข้าประเทศบอสเนียที่เมืองนีอุม ซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านของโครเอเชีย เพื่อเดินทางผ่านเข้าสู่ดูบรอฟนิค เมืองทางตอนใต้ของโครเอเชีย

74

82

ดูบรอฟนิคเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุด และยังเป็นที่จอดเรือสำราญขนาดใหญ่ (ที่ที่พวกเราได้มาเจอและทำความรู้จักกับประเทศโครเอเชียครั้งแรกเกิดจากการแวะที่เมืองนี้) วิวเมืองดูบรอฟนิคยามเย็นที่ฉันถ่ายรูปจากที่พัก ทำให้ฉันอยากอยู่ที่นี่ต่ออีกสองสามคืนเลยทีเดียว

85

83

86

วันที่หก เรานั่งกระเช้าไฟฟ้าที่ความสูง 400 เมตร เพื่อชมวิวของเมืองดูบรอฟนิค จากนั้นล่องเรือพาโนราม่า เพื่อชมความสวยงามของเมืองเก่า และสีน้ำเงินเข้มของท้องทะเลอาเดรียติค

87

95

94

93

92

91

90

89

88

ผ่าน Grand Villa Argentina โรงแรมที่แพงที่สุดในดูบรอฟนิค คืนละ 7,000 ยูโร มีรูปทรงอาคารคล้ายพระราชวัง เป็นโรงแรมที่เรียกได้ว่าเห็นวิวที่สวยที่สุดของทะเลอาเดรียติค และใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆของเมือง

96

97

98

99

ต่อจากนั้นพวกเราได้เดินชมภายในเมืองดูบรอฟนิค ซึ่งถือว่าเป็นเมืองที่สวยงามติดอันดับต้นๆของโลก ในอดีตเมืองนี้ได้เป็นเป้าหมายถูกโจมตีจากกองทหารยูโกสลาฟ บ้านเรือนกว่าครึ่ง อนุสาวรีย์ต่างๆเสียหาย หลังจากนั้นได้มีการลงนามในสนธิสัญญา “Erdut” สงบศึก และเริ่มเข้าสู่สภาวะปกติ UNESCO และสหภาพยุโรปได้ร่วมกันบูรณะซ่อมแซมในระยะเวลาอันสั้น ปัจจุบันเมืองนี้กลับมาสวยงามอีกครั้ง ตัวเมืองจะมีป้อมปราการโบราณที่ถือเป็นสัญลักษณ์ของเมือง

100

101

ถ้าใครที่ดูซีรีย์ Game of throne season 5 แล้วคุ้นๆกับสถานที่ในซีรีย์หลายฉาก นั่นก็เพราะ Game of thrones season 5 นี้ ถ่ายทำที่เมืองดูบรอฟนิคทั้งหมด ใครที่มาเมืองดูบรอฟนิคแล้วไม่ได้ขึ้นมาชมกำแพงเมืองโบราณ ถือว่ามาไม่ถึงดูบรอฟนิค ฉันเลยขึ้นมาเก็บวิวและชมความสวยงามของแนวหลังคาสีส้มตัดกับสีน้ำทะเลไว้แทบทุกจุด กำแพงนี้มีความยาวรวมกันประมาณ 2 กิโล ทุกมุมของกำแพงจะให้วิวที่แตกต่างกันออกไปฉากหลังของเมืองที่ทันสมัยกับภาพป้อมปราการในเมืองโบราณมันเข้ากันได้ดีอย่างบอกไม่ถูก

102

103

104

105

106

107

จากนั้นเราไปเก็บรายละเอียดต่อที่บริเวณจัตุรัสกลางเมืองซึ่งเป็นสถานที่นัดพบและทำกิจกรรมของชาวเมืองในอดีต เสาหินอัศวิน (Orlando Column) และหอนาฬิกา (Bell Tower) ที่ตั้งอยู่ปลายสุดของถนนสายหลัก สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1444 หน้าปัดทำด้วยเหล็ก มีความพิเศษตรงลูกกลมๆใต้หน้าปัดซึ่งแทนพระจันทร์บอกข้างขึ้นข้างแรมในสมัยก่อน และรูปปั้นของนักบุญ St. Blaise ซึ่งมีโบสถ์ประจำเมืองสไตล์โรมาเนสก์แห่งแรกของเมืองเป็นฉากหลัง หลังจากนั้นก็ถึงเวลาทานอาหารเย็นพร้อมดูโชว์การเต้นรำพื้นเมือง และถ่ายรูปช่วงค่ำก่อนกลับโรงแรม

108

109

110

111

112

113

114

วันสุดท้ายก่อนขึ้นเครื่องกลับ พวกเราแวะชาฟตัท (Cavtat) เป็นเมืองเล็กทางตอนใต้สุดของโครเอเชียที่มหาเศรษฐีนิยมมาพักผ่อนและนำเรือยอร์ชมาเทียบท่า อาหารมื้อสุดท้ายคือกุ้งมังกรเสิร์ฟพร้อมสปาเก็ตตี้ รสชาติไม่เลี่ยนจนเกินไป กุ้งให้มาเต็มที่ จบมื้อนี้พร้อมไปรอที่สนามบินแล้วเอนหลับสบายๆ

116

117

119

120

121

124

สำหรับฉัน การได้มาเที่ยวโครเอเชียในครั้งที่สองนี้ ทำให้ฉันได้เห็นโครเอเชียในหลายมุมมองมากขึ้น มันคือประเทศที่เรียกได้ว่าประเทศของการพักผ่อน ตากอากาศ เพราะอากาศดี เย็นสบาย ผู้คนยิ้มแย้มมีอัธยาศัยดี และที่สำคัญคืออาหารอร่อย แม้แต่อาหารจีนก็อร่อยรสชาติไม่ต่างจากบ้านเราเลย สิ่งที่ไม่ควรพลาดที่สุดคือ อาหารซีฟู้ดของที่นี่ รวมทั้งของหวานพวกเครปไอติม หรือจะไอติมโยเกิร์ตที่มีวางขายแทบทุกเมืองที่แวะพัก ไวน์พื้นเมืองของที่นี่จะราคาถูกมาก ต้องลองไวน์ของบ้านเค้า รสชาติใช้ได้เลยทีเดียว ค่าใช้จ่ายในการเดินทางครั้งนี้อยู่ที่ราวๆเจ็ดหมื่นกว่าบาทรวมตั๋วเครื่องบินแล้ว

จริงๆแล้วโครเอเชียยังมีที่เที่ยวที่น่าสนใจอีกหลายที่ ถ้าใครสนใจลองเช็ครายละเอียด การเดินทาง และที่พักอย่างละเอียด สำหรับใครที่ชอบการท่องเที่ยวแบบรักธรรมชาติ ทานอาหารสุขภาพ ในบรรยากาศและอากาศเย็นสบาย โครเอเชียถือว่าเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดีค่ะ

To travel, to experience and learn: that is to live. ขอให้สนุกกับการท่องเที่ยวนะคะ


About the Author

Puricha S.

A Graphic Designer who believes to travel is to live.
Find me on 500px.com/purichas or flickr.com/photos/purichas

20 Comments

  • Juthapat

    ขอบคุณที่เปิดโลกให้นะคะ #travelistolive

    • Puricha S.

      ขอบคุณสำหรับฟีดแบคเช่นกันค่ะ ติดตามชมทริปถัดไปเร็วๆนี้นะคะ ^^

  • ARTY

    สวยมากครับ..สร้างแรงบันดาลใจในการเดินทางเลย ^^

    • Puricha S.

      ขอบคุณนะคะ 🙂 เป็นพลังในการทำรีวิวในครั้งต่อๆไปเลยค่ะ

  • Jiw

    อยากทราบว่าการเดินทางไปยังแต่ละเมืองนี่เดินทางด้วยรถไฟหรือรถบัสหรือเดินทางยังไงค่ะ

    • Puricha S.

      เดินทางด้วยเครื่องบินจากไทยไปกรุงเวียนนาแล้วต่อเครื่องบินเล็กไปโครเอเชียอีกที
      จากนั้นก็รถทัวร์ตลอดทั้งทริปเลยค่ะ 🙂

  • tienmimee

    พี่ใช้กล้องอะไรหรอคะ สวยมากเลยยยยย
    รีวิวดีมากๆ อยากไปตามวันนี้ พรุ่งนี้เลยยยย  Y_Y

    • Puricha S.

      ขอบคุณนะคะ ใช้ nikon D750 ค่ะ ลองไปเที่ยวดูนะคะ สนุกและที่สำคัญเจริญอาหารแน่นอนค่ะ 🙂

  • Franc

    รีวิวได้ดี น่าติดตามค่ะ ภาพสวย เห็นแล้วอยากเดินทาง จะแนะนำเพื่อนๆที่หาที่เดินทางสำหรับสิ้นปีนี้นะคะ

    • Puricha S.

      ขอบคุณมากนะคะ หายเหนื่อยเลยค่ะ 🙂

  • อิ้วววว

    ภาพทุกภาพบอกถึงเรื่องราวความทรงจำ มุมของภาพที่มองผ่านเลนส์สะท้อนถึงอารมณ์และความคิด ขอบคุณภาพสวยๆเรื่องราวดีๆที่เปิดโลกอีกด้านนึงที่บางคนอาจไม่มีโอกาสได้ไปสัมผัส แต่รู้สึกได้ผ่านทางภาพถ่ายและเรื่องราว

    • Puricha S.

      ขอบคุณมากนะคะ จะตั้งใจทำรีวิวสนุกๆมาให้อ่านกันอีกในครั้งต่อๆไปนะคะ 🙂

  • Wirinda

    รบกวนขอสอบถามได้มั้ยคะ? พอถึงที่ซาเกรบแล้วการเดินทางไปสถานที่ต่างๆหลังจากนั้นเป็นการไปกับทัวร์ หรือว่าไปกันเองคะ? แล้วถ้าไปเองโดยรถบัสใช้บริการของบริษัทอะไรคะ? มีเว็บไซต์แนะนำหรือเปล่าคะ? พอดีกำลังวางแผนไปเที่ยวกับพี่สาวพฤษภาคมปีหน้าค่ะเลยต้องการข้อมูลค่ะ ปล. ภาพสวยมากเลยค่ะ เขียนบรรยายก็ดีด้วยค่ะ

    • Puricha S.

      ขอโทษนะคะที่ตอบกลับช้า ไม่ได้แวะเข้ามาดูเลย 🙂
      ไปกับทัวร์ค่ะ เพราะจากสถานที่ที่เดินทางในหลายๆเมืองถ้าไปเองจะต้องเตรียมการค่อนข้างแม่นยำ ไปกับทัวร์จะสะดวกกว่าเนื่องจากคณะที่ไปมีผู้สูงอายุไปด้วยค่ะ ถ้าอยากทราบรายละเอียดของทัวร์ รบกวนติดต่อมายังอีเมล์ jsara1284@gmail.com นะคะ

  • K.

    อยากทราบค่าใช้จ่ายค่ะ อยากไปมากกกกกกก

    • Puricha S.

      อยู่ที่ประมาณ 7 หมื่นต้นๆค่ะ 🙂

  • ออตโต

    รูปสวยมากๆๆๆๆๆๆครับ
    รอติดตามทริปใหม่อยู่นะครับ ขอด่วนๆเลยนะครับ
    ถ้าเป็นไปได้ ขอเป็นประเทศโซนๆเดียวกับโครเอเชียอีกนะครับ

  • บู

    ภาพสวยมากค่ะ อ่านเพลินเลย เปิดโลกทัศน์ได้ดีมากๆ

  • Tee

    ชอบครับ อยกไปๆ สวยมาก ทีแรกผมมีแพลนไปเที่ยวเวนิส แล้วกะไปต่อโครเอเชียซักเมืองสองเมือง แต่พอมาดูรีวิวนี้แล้ว เปลี่ยนใจทันที สงสัยวันหลังต้องมาโครเอเชียอย่างเดียวเลย มากับทัวร์น่าจะสะดวก แถมไปได้หลายเมืองด้วย

  • Sirirat Tungsuknirundorn

    อยากได้ข้อมูลราคาที่จัดมีความตั้งใจไว้สองแบบค่ะไปjoin tourของคุณที่จัดถ้ามี หรือ ให้จัดgropให้ ต้องมีอย่างน้อยกี่คนค่ะ

Comments are closed.

Magazine made for you.